#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/likesara/617135
วันอาทิตย์ ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564, 14.36 น.
นับถอยหลัง! ปิดตำนาน 105 ปี ‘สถานีรถไฟหัวลำโพง’ ย้ายไป ‘สถานีกลางบางซื่อ’ 23 ธันวาฯนี้
ปู๊น ปู๊น ปู๊น ปู๊น เสียงแว่วมาแต่ไกล… ขบวนรถไฟไม่ว่าจะเป็น สายเหนือ ใต้ อีสาน และระยะทางสั้นๆ มาบรรจบพบกันที่ “สถานีรถไฟหัวลำโพง” ผู้คนต่างลุกลี้ลุกลนสะพายสัมภาระติดนำติดตัวมาใบใหญ่บ้าง เล็กบ้าง จูงลูกจูงหลาน ลงมาจากรถไฟเมื่อมาถึงสถานีสุดท้าย “กรุงเทพมหานคร” นั้นก็คือ “หัวลำโพง” และไม่ใช่เป็นเป็นแค่สถานีสุดท้าย แต่ยังเป็นสถานีเริ่มต้นให้ผู้คนต่างภูมิลำเนา เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด โดยใช้ “สถานีรถไฟหัวลำโพง” ซึ่งแต่เดิมเรียกว่า “สถานีรถไฟกรุงเทพฯ” จนปัจจุบันกันว่า “สถานีรถไฟหัวลำโพง” โดยคำว่า “หัวลำโพง” สันนิษฐานว่าตั้งชื่อตามคลองและทุ่งที่มีฝูงวัวที่วิ่งกันคึกคัก ที่เรียกว่า “ทุ่งวัวลำพอง” ได้พูดออกเสียงเพี้ยนกันมาเป็น “ หัวลำโพง” แต่ก็ยังสันนิษฐานว่าเป็นชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่งคือ “ต้นลำโพง” ซึ่งเคยมีมากในบริเวณนี้ และกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง
“สถานีรถไฟหัวลำโพง” จึงเป็นศูนย์รวมที่ลงตัวของการเดินทางไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ชาวบ้าน หรือประชาชน คนทุกเพศทุกวัย ถือว่าไม่มีใครไม่รู้จัก “หัวลำโพง” เพราะสถานที่แห่งนี้ถูกใช้งานมานานถึง 105 ปี ผ่านรุ่นปู่ ย่า ตา ยาย รุ่นพ่อ แม่ และลูกหลานยุคปัจจุบัน แต่อีกไม่นานสถานที่แห่งนี้ จะต้องปิดฉากลงและกลายเป็นตำนาน โดยวันที่ 23 ธ.ค.64 ถือว่าเป็นวันดีเดย์ในการลดบทบาท ลดเที่ยวของรถไฟที่ “สถานีรถไฟหัวลำโพง” และใช้ “สถานีกลางบางซื่อ” เป็นสถานีสุดท้ายหรือเป็นสถานีต้นทางและปลายทางแทน
แน่นอนว่าระยะเวลา 105 ปี คือความผูกพันที่อยู่คู่กับคนไทยที่มีต่อสถานีรถไฟหัวลำโพง ก็รู้สึกใจหายไม่เบาเลย บ้างก็บอกว่าจะปิดตัวลงยกเลิกการเดินรถไฟทุกจบวน บ้างก็บอกว่าจะยกเลิกรถไฟระยะยาว เหนือ ใต้ และอีสาน เท่านั้น ยังคงมีเที่ยวรถระยะสั้น อาทิ กรุงเทพฯ-ลพบุรี , กรุงเทพฯ-กบินทร์บุรี , กรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี เป็นต้น และบ้างก็บอกว่าจะพลิกโฉมสถานรถไฟหัวลำโพงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และแหล่งเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ที่จะเชื่อมโยงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมย่านเมืองเก่าและย่านการค้าใหม่เข้าด้วยกัน โดยบริษัท SRT แอสเสท จะเข้ามาเป็นผู้บริหารทรัพย์สิน หาผู้ร่วมออกแบบและประมูลพื้นที่เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วม และสร้างตัวเลือกให้กับประชาชน ซึ่งทั้งหมดข้างเป็นเพียงความคาดเดา แต่ที่แน่ๆ “สถานีรถไฟหัวลำโพง” มีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน แต่ไม่รู้ชัดว่าจะไปทิศทางไหน?
“ทีมข่าวเฉพาะกิจแนวหน้าออนไลน์” จึงได้ลงพื้นที่พูดคุยกับ “น.ส.ศินีนาถ” อายุ 23 ปี นักศึกษาปี 4 ขณะนั่งรถไฟสายกรุงเทพฯ-ลพบุรี กลับบ้านที่สถานีบางปะอิน โดยศินีนาถ เล่าให้ฟังว่า “ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้วเพราะปกติจะนั่งรถไฟทุกวันจันทร์ตอนเช้าจากปางปะอิน มาลงที่สถานีหัวลำโพง เพื่อมาเรียน และวันศุกร์ตอนเย็นก็จะนั่งรถไฟกับบ้านเช่นเคย ซึ่งทำแบบนี้มาตั้งแต่เรียนแต่ถ้าไม่มีรถไฟจากสถานีหัวลำโพงคงเป็นเรื่องที่ต้องปรับตัวใหม่ เดินทางจะต้องปรับเรื่องของเวลาใหม่ทั้งหมด การเดินทางก็จุยุ่งยากมากขึ้น และที่แน่ๆเลยคือต้องเผื่อเวลา เพราะถ้านั่งรถไฟมันก็จะมีรอบของมันอยู่ รถไฟจากสถานีหัวลำโพงกว่าจะถึงสถานีบางซื่อมีคนขึ้นลงจำนวนมาก ยิ่งเฉพาะคนทำงานเช้านั่งรถไฟมาทำงาน เย็นนั่งรถไฟกลับ พวกเขากระทบมากกว่าตนแน่นอน ใน 1 วัน คนไม่น้อยเลยที่โดยสารด้วยรถไฟ จริงๆ ไม่อยากให้ปิดเลยยังอยากให้มีอยู่
“ก็คิดไม่ออกเหมือนกันหากเขาปิดแล้วหนูจะต้องทำอย่างไรต่อ ต่อทำอย่างไรต่อ หนูก็เป็นเสียงของประชาชนที่ยังคงใช้รถไฟโดยสารมาเรียน และกลับบ้าน แต่ถ้ามันต้องปิดจริงๆ เราก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเขาจะปรับเป็นศูนย์การค้าหรือแหล่งท่องเที่ยวก็ขอให้มีรถไฟวิ่งเหมือนเดิม เพราะบางคนเขานั่งมาหลายปีมาเกือบครึ่งชีวิต มันก็เป็นเรื่องเศร้าเหมือนกัน จริงๆ ตอนนี้คนที่ใช้บริการรถไฟก็ไม่น้อย ดูเวลาเร่งด่วนตอนเลิกงานคนขึ้นมาเยอะมาก บางครั้งแทบจะไม่ได้นั่งจะต้องยืน หนูคิดว่าว่าอะไรมันดีอยู่แล้วก็ไม่ควรปรับให้แย่กล้าเดิม” น.ส.ศินีนาถ กล่าว
ขณะที่ “นายชุติภาส ตุลาใคร” อายุ 51 ปี ขับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หน้าสถานีรถไฟหัวลำโพงมานาน 7 ปี เล่าให้ทีมข่าวเฉพาะกิจฯ ฟังว่า ตนขับวินฯ มานานแล้ว ก็ไม่อยากให้เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ถ้าเขาปรับเปลี่ยนก็ไม่รู้ว่าจะได้อยู่ที่นี่ต่อไปหรือไม่ แต่ถ้ามีที่ให้เราอยู่ต่อก็น่าจะดี เพราะถ้าไปทำอาชีพอื่นก็ไม่รู้จะไปทำอะไร ถ้าไม่มีที่อยู่พวกเราก็ต้องไป แต่ถ้าปิดไปเลยกระทบพวกเราแน่นอน แต่ยังไม่เห็นมีป้ายติดประกาศอะไรในบริเวณนี้ แต่ก็คิดว่ามีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนเป็นอะไร
“ผมอยู่ที่นี่จนชินแล้ว กลับบ้านแล้วเช้าก็มาทำงานที่หัวลำโพงทุกวัน ความผูกพันมันก็มีเพราะอยู่รงนี้ทุกวัน หากมีการเปลี่ยนแปลงก็ใจหายเหมือนกัน เพื่อนๆที่อยู่ตรงนี้บางคนอยู่นานกว่าผมอีก พอได้ยินข่าวก็ไม่สบายใจเหมือนกัน” นายชุติภาส กล่าวทิ้งท้าย
โดยวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ออกแถลงการณ์คัดค้านการปิด “สถานีรถไฟกรุงเทพ” หรือ “หัวลำโพง” ภายหลังจากที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า วันที่ 23 ธ.ค.64 รฟท.จะหยุดให้บริการเดินรถไฟเข้าหัวลำโพง จะให้บริการสถานีสุดท้ายที่สถานีกลางบางซื่อ กระทบการเดินทางของประชาชนเดินทางเข้าเมือง หวั่นเกิดการทุจริต
สำหรับ ความเป็นมาของสถานีแห่งนี้เริ่มสร้างในสมัย รัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2453 สร้างเสร็จและเริ่มใช้งาน วันที่ 25 มิ.ย.2459 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 สถานีรถไฟหัวลำโพง เดิมเป็นสถานีที่ให้บริการทั้งด้านการขนส่งสินค้า และขนส่งมวลชน ต่อมาการขยายตัวในด้านการโดยสารและขนส่งสินค้ามีมากขึ้น แต่ด้วยพื้นที่อันจำกัดเพียง 120 ไร่ จึงทำให้ต้องย้ายกิจการขนส่งสินค้าไปอยู่ที่ย่านสินค้าพหลโยธิน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และทำการปรับปรุงสถานีรถไฟหัวลำโพงให้เป็นสถานีรถไฟสำหรับบริการด้านขนส่งมวลชนเพียงอย่างเดียว เพื่อสามารถรองรับผู้โดยสารจากทั่วทุกสารทิศของประเทศ
คงต้องจับตาดูว่าการปิดสถานีหัวลำโพงในครั้งนี้จะช่วยให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกมากขึ้นหรือเป็นการเพิ่มภาระให้ประชาชนกันแน่ หลังจากที่สถานีรถไฟเก่าแก่ที่สุดของไทยยุติบทบาทลง เราอาจไม่มีโอกาสได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศของสถานที่แห่งนี้ ในฐานะสถานีต้นทางและปลายทางกรุงเทพอีกต่อไปแล้ว จะเหลือเพียงเป็นความทรงจำของผู้คนที่ชื่นชอบหลงใหลในเสน่ห์การเดินทางของรถไฟไว้ ณ ที่นี่. -008