#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/likesara/674260

วันศุกร์ ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.
ข้อที่ 1 ต้องให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 20 บาท ต่อลิตร พร้อมห้ามส่งออกดีเซล กลับสั่งให้ไปตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไว้ที่ 35 บาทต่อลิตร แล้วกลับ ปล่อยให้น้ำมันเบนซินลดราคาลงไป แทนที่จะให้น้ำมันเบนซินแนฟต้า น้ำมันเตาขึ้น ตามราคาขึ้นลงของน้ำมันดิบ และยังไม่เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อลดหนี้กองทุนน้ำมันที่สุพัฒนพงษ์ ก่อทำขึ้นมา 1 แสนล้านบาท และไม่ลดภาษีสรรพสามิต ทั้งหมดการที่ไม่ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 20 บาทต่อลิตรและไม่ลดภาษีสรรพสามิต จะทำให้สินค้าราคาขึ้นมาอย่างน้อย 5 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์
นี่จะเป็นอีกเหตุหนึ่งของเงินเฟ้อ โดยที่รัฐบาลจะได้ประโยชน์จากภาษีสรรพสามิตน้อยมากเพราะมีการหนีภาษี สู้ลดภาษีสรรพสามิตทั้งหมดแล้วราคาน้ำมันลงมา โดยรัฐบาลไม่ต้องนำเงินกองทุนน้ำมันไปชดเชยจนกองทุนน้ำมันเป็นหนี้แสนล้านบาทจะดีกว่า
ข้อที่ 2 หนี้ที่ไม่ก่อรายได้ของประชาชนนับสิบล้านไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้คนจนจนลง แล้วท้ายที่สุดก็จะเกิดกลียุคขึ้น วิธีแก้ไขที่ถูกต้องจะต้องพิจารณาดูว่าเหตุที่เกิดภาวะนี้เพราะเกิดโรคระบาดโควิดรัฐบาลออกกฎหมายฉุกเฉินประกาศ lockdown ทั้งประเทศทำให้ธุรกิจเล็กๆ ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจนเกิด NPL ไปทั่ว กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยต้องประชุมหารือออกระเบียบให้สถาบันการเงินเรียกลูกหนี้มาประนอมหนี้รับสภาพหนี้โดยสถาบันการเงินให้พักการชำระหนี้ไป 5 ปี แต่บันทึกดอกเบี้ยปีละ 1% และให้เริ่มผ่อนชำระคืนภายหลัง5 ปี
ระหว่างนี้ต้องให้ลบชื่อออกจาก Credit Bureau เนื่องจากเหตุสุดวิสัยเพื่อลูกหนี้สามารถกู้เงินที่รัฐบาลจะปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยถูกให้ผู้ได้รับผลกระทบเหล่านี้ไปประกอบอาชีพใหม่ได้ ด้วยวิธีนี้สถาบันการเงินก็ไม่ต้องบันทึกบัญชีเป็นหนี้เสีย แต่สามารถบันทึกเป็นกำไรได้ รัฐก็สามารถเก็บภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น

ข้อที่ 3 เรื่องเกี่ยวกับ นิคมอุตสาหกรรมก้าวหน้า ที่จะนะ รัฐบาลก็มาทำเต้นแร้งเต้นกาว่าให้เดินต่อไปและก็บอกข้าราชการให้เร่งรัด แต่ไม่รู้ว่าเร่งรัดอะไร ที่เป็นรูปธรรม
ที่จริงต้องเร่งรัดให้ โรงไฟฟ้าที่ ครม.อนุมัติแล้วให้เกิดขึ้นให้ได้ก่อนและให้การส่งเสริมกับธุรกิจทุกชนิดที่มีอยู่ในโครงการแต่รัฐมนตรีพลังงานที่ดูแลกิจการโรงไฟฟ้า ก็สั่งเบรกไม่ให้มีโรงไฟฟ้าใหม่เกิดขึ้นซึ่งเท่ากับเป็นมวยล้มต้มคนดู
ข้อที่ 4 ขณะนี้นักวิชาการ โดยเฉพาะนายธนาคารทั้งหลายต้องการให้ขึ้นดอกเบี้ย โดยอ้างว่าเพื่อลดเงินเฟ้อตามแบบอเมริกาโชคดีที่ผู้ว่าแบงก์ชาติยังไม่เห็นด้วย ขณะนี้เงินเฟ้อไม่ได้เกิดจากคนมีเงินที่มากเกินไป แล้วไล่ซื้อสินค้าต่างๆ เพื่อเก็งกำไร ทำให้เกิดเงินเฟ้อในระบบ แต่ที่ราคาสินค้าต้องขึ้นมาเนื่องจากน้ำมันดีเซลขึ้นมามาก การขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ
ในทางตรงกันข้าม กลับจะสร้างทุกข์เข็ญให้กับประชาชน ซึ่งเข้าไม่ถึงเงินกู้เพราะแต่ละคน ก็ล้วนเป็น NPL คนที่มีเงินเหลือ ฝากกินดอกเบี้ยก็ได้ดอกเบี้ยจากธนาคารไม่ถึงครึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปีในขณะที่คนต้องการใช้เงินเพื่อไปประกอบการค้าก็เจอ NPL ไม่สามารถกู้เงินได้ ต้องไปกู้เงินดอกเบี้ยแขก อย่างน้อยวันละ 1% ปีละ 360 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้ที่กู้ได้ แบงก์ก็หาวิธีที่จะรีดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น โดยอ้างว่าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดค่าเงินเฟ้อซึ่งไม่เป็นความจริง ในทางตรงกันข้าม จะทำให้พ่อค้าเพิ่มราคาสินค้าขึ้นเป็นการเพิ่มเงินเฟ้อ มากกว่าลดเงินเฟ้อ ฉะนั้นไม่ควรให้แบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยเด็ดขาด ถ้าต้องการลดเงินเฟ้อ