ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/197106
ในยุคดิจิตอลที่คุณแม่ส่วนใหญ่ต้องรับบทบาททั้งเป็นแม่บ้านและเวิร์กกิ้งวูแมนทำให้ไม่มีเวลาเพียงพอในการเตรียมอาหารเช้าให้กับลูกน้อยซึ่งอาจส่งผลให้เด็กๆ ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า หรือ ได้รับประทานแต่อาจมีคุณค่าทางอาหารไม่เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกาย จิตใจและอารมณ์ได้
ภาควิชาโภชนาการและการกำหนดอาหาร คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะหน่วยงานที่มีองค์ความรู้และมีหน้าที่ในการเผยแพร่ความรู้สู่สังคม จึงได้ทำการสำรวจภาวะโภชนาการและพฤติกรรมการรับประทานอาหารเช้าของเด็กเพื่อศึกษาปัญหาทางโภชนาการ ตลอดจนหาแนวทางแก้ปัญหา เพื่อสนับสนุนให้เด็กได้รับสารอาหารในปริมาณที่ถูกต้องเหมาะสมตามวัย ในเด็กวัยเรียนอายุระหว่าง 5-11 ปี กลุ่มหนึ่ง ผลการสำรวจเมนูอาหารเช้าที่เด็กๆ ชอบรับประทานพบว่าเมนูโจ๊กได้รับความนิยมจากเด็กๆสูงเป็นอันดับ 1

ผศ.ดร.สุวิมล ทรัพย์วโรบล
ผศ.ดร.สุวิมล ทรัพย์วโรบล หัวหน้าภาควิชาโภชนาการและการกำหนดอาหาร จุฬาฯ กล่าวว่า “อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวันเพราะเป็นการเติมพลังงานให้ร่างกายและสมอง โดยเด็กที่รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำมักจะเป็นเด็กที่มีสมาธิจดจ่อกับการเรียน มีความกระตือรือร้นและอารมณ์ดี”
สำหรับเมนูโจ๊กซึ่งเป็นเมนูที่เด็กๆ ชื่นชอบตามผลสำรวจ และปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์โจ๊กกึ่งสำเร็จรูปออกวางจำหน่าย
มากมาย นักโภชนาการขอแนะนำให้เติมเนื้อสัตว์และผักลงไปด้วย เพราะอาหารเช้าที่เหมาะสมกับเด็ก นอกจากคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานแล้วก็ควรมีโปรตีน โดยเลือกเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่ายและไม่ติดมัน เช่น เนื้อปลา เนื้ออกไก่ เนื้อหมูสันใน เป็นต้น โดยอาหารเช้าที่ดีควรให้พลังงานประมาณ 300-500 กิโลแคลอรี รวมทั้งควรมีสารอาหารที่สำคัญ เช่น โปรตีน แคลเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินต่างๆ สำหรับการเจริญเติบโตทางร่างกายและพัฒนาการทางสมองและอารมณ์ที่สมวัยของเด็กวัยเรียน”
เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คุณแม่ได้ปรุงเมนูโจ๊กที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วน สะดวกและทำได้ง่าย นิสิตภาควิชาโภชนาการและการกำหนดอาหาร คณะสหเวชศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้สร้างสรรค์ 8 เมนูโจ๊กที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง และใช้วัตถุดิบที่คุณแม่หาซื้อได้ง่ายจากตลาดและซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ได้แก่ 1.โจ๊กภูเขาไฟ โดยนำสาหร่ายวากาเมะและปูอัดมาตกแต่งเป็นภูเขาไฟบนหน้าโจ๊ก ซึ่งให้สารอาหารครบถ้วนและพลังงานเหมาะสม 2.โจ๊กทูน่า โดยนำทูน่ากระป๋องในน้ำแร่ และผักหั่นเต๋ามาโรยลงบนหน้าโจ๊ก ใช้เวลาปรุงอย่างรวดเร็วไม่เกิน 5 นาทีแถมยังอัดแน่นด้วยโอเมก้า 3 จากเนื้อปลาทูน่า และใยอาหารสูง 3.โจ๊กแฮมเบิร์ก เพียงเตรียมหมูก้อนแฮมเบอร์เกอร์ไว้ล่วงหน้า แล้วเข้าไมโครเวฟในตอนเช้าก่อนนำมาวางบนหน้าโจ๊กรสหมูก็สามารถอิ่มอร่อยกันได้แล้ว แนะนำให้ใส่เห็ดเข็มทองซึ่งหาซื้อได้ง่ายและมีรสชาติที่เด็กๆ ชอบลงไปข้างๆ ด้วย 4.โจ๊กนม ใช้นมเดือดๆ ชงโจ๊กแทนน้ำร้อน โปะหน้าด้วยชีส และขนมปังกรอบ ได้โปรตีนและแคลเซียมที่ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง 5.โจ๊กเบนโตะ ลองทำโจ๊กที่มีกลิ่นอายของประเทศญี่ปุ่นให้ลูกๆ ทานโดยโรยหน้าด้วยไข่กุ้ง ยำสาหร่ายญี่ปุ่น ไข่หวาน และปลาแซลมอน 6.โจ๊กธัญพืช เพียงนำธัญพืชต้มสุกมาใส่ลงในโจ๊กก็ช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและใยอาหารที่ช่วยเรื่องการขับถ่าย 7.โจ๊กสาหร่าย เต้าหู้ หมูสับ เพียงใส่เต้าหู้ไข่ หมูสับ และสาหร่ายลงในโจ๊ก (หรือเลือกโจ๊กที่มีสาหร่ายเป็นส่วนผสม) ก็ให้พลังงานและโปรตีนที่เหมาะสำหรับมื้อเช้า และ 8.โจ๊กไข่ข้น วางไข่ข้นหอมๆ บนโจ๊กร้อนๆ ตกแต่งด้วยผัก 3 สีที่เตรียมไว้ล่วงหน้า ก็ได้โจ๊กที่น่ารับประทานและมีคุณค่าทางสารอาหาร และคุณประโยชน์ของไข่ที่เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี
“นอกจากการรับประทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์แล้วการส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง เสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกให้เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่แล้ว ยังจะทำให้เด็กมีสุขภาพจิต และอารมณ์ที่ดี เพราะการออกกำลังกายทำให้เด็กได้ผ่อนคลายความเครียด และใช้เวลาว่างอย่างเป็นประโยชน์มากที่สุด รวมถึงต้องให้เด็กๆ พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจที่สมวัย” ผศ.ดร.สุวิมล กล่าวทิ้งท้าย