เร่งรับซื้อยาง กยท.ตั้ง3พันจุดทั่วปท. วิกฤติ9จว.แล้งฉุกเฉิน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/198131

วันอังคาร ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

เร่งรับซื้อยาง

กยท.ตั้ง3พันจุดทั่วปท.

วิกฤติ9จว.แล้งฉุกเฉิน

นายกฯลงพื้นที่22มค.

สถานการณ์ภัยแล้งประจำปี 2559 มีแนวโน้มว่าอาจถึงขั้นวิกฤติแน่นอน โดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 18 มกราคมว่า ปัจจุบันมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยแล้ง 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย อุตรดิตถ์ พะเยา เชียงใหม่ มหาสารคาม นครราชสีมา นครพนม สระแก้ว และพิษณุโลก รวม 31 อำเภอ โดยปภ.ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยจัดรถบรรทุกน้ำแจกลดความเดือดร้อน

อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนจัดหา ทำความสะอาด ซ่อมแซมภาชนะกักเก็บน้ำให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี เลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ำ สำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภคและใช้น้ำอย่างประหยัด

ทหารจัดน้ำ30-40ล.ลิตรแจกปชช.

ด้านพล.อ.สมหมาย เกาฎีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวว่าในส่วนเหล่าทัพ

เตรียมความพร้อมรับมือตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2559 ซึ่งคาดว่าปีนี้ภัยแล้งจะหนักกว่าปีก่อน จึงเตรียมความพร้อม ทั้งเรื่องการเก็บกัก และการแจกจ่ายน้ำ เช่นเมื่อปีที่แล้วกองทัพแจกจ่ายน้ำไป20 ล้านลิตร ปีนี้เราเตรียมน้ำไว้แจกจ่ายให้มากกว่าเดิม ประมาณ 30-40 ล้านลิตร ทางทหารคิดไว้หมด รวมถึงการขุดเจาะบ่อบาดาล หรือขุดบ่อต่างๆ

วันเดียวกัน นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เรียกประชุม เกษตรจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ 22 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง เพื่อชี้แจงสถานการณ์น้ำและแนวทางปลูกพืชตามสถานการณ์น้ำต้นทุน โดยนายโอฬารยอมรับว่า มีปัญหางบส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้ง ยังลงไปไม่ถึงเกษตรกรทุกพื้นที่ เพราะติดขัดขั้นตอนการอนุมัติและตรวจสอบงบประมาณ ทำให้บางจังหวัดยังไม่สามารถจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตให้เกษตรกรปลูกได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรที่เลือกปลูกพืชไร่กว่า4 หมื่นราย ที่อาจปลูกไม่ทัน เพราะความชื้นในดินมีไม่พอ เสี่ยงผลผลิตเสียหาย จึงย้ำให้เกษตรจังหวัดทำความเข้าใจกับเกษตรกรที่ร่วมโครงการ ถ้าปลูกพืชไร่เสี่ยงให้เปลี่ยนไปปลูกพืชผักหรือเพาะเห็ดที่ไม่ต้องอาศัยความชื้นในดินแทน

ปัดข่าวเล่นพวก-จี้จนท.ตรวจสอบ

นายโอฬารกล่าวด้วยว่า การดำเนินโครงการช่วยเหลือครั้งนี้ไม่มีการเล่นพรรคเล่นพวก ในการคัดเลือกเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ ทั้งหมดเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน และแสดงความจำนงเข้าร่วมโครงการ สามารถตรววจสอบได้ ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าตัวแทนภาครัฐในพื้นที่ช่วยเหลือกเฉพาะพวกพ้องนั้น เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นจริง เพราะก่อนเริ่มโครงการช่วยเหลือมีการทำประชาสังคมในพื้นที่ แต่กำชับให้เกษตรจังหวัดเข้าตรวจสอบและกำชับให้เกิดความโปร่งใสที่สุด

เขื่อนเจ้าพระยางดส่งน้ำทำเกษตร

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา วันเดียวกันนี้ จากน้ำต้นทุนที่มีปริมาณจำกัดของน้ำ 4 เขื่อนเหลักปัจจุบัน มีรวมกัน 3,643 ล้าน ลบ.ม. และจะสามารถใช้งานได้อีกเพียง 180 วัน ส่งผลกระทบต่อเขื่อนเจ้าพระยางดส่งน้ำเพื่อการเกษตรสิ้นเชิง เพื่อสงวนน้ำส่วนที่เหลือไว้สำหรับการอุปโภค-บริโภคในหน้าแล้ง ที่คาดว่าจะรุนแรงและยาวนานกว่าทุกปีที่ผ่านมา ส่งผลให้คลองชลประทานสายต่างๆ ที่ส่งน้ำเข้าพื้นที่เกษตรเริ่มแห้งขอด พื้นที่เกษตรที่อยู่สองฝั่งคลองกว่า 200,000 ไร่ต้องถูกทิ้งร้าง

จากการตรวจสอบระดับน้ำ ที่สถานีวัดน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ต.บางหลวง อ.สรรพยา จ.ชัยนาท วันนี้ ระดับน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ 13.94 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ต่ำกว่าระดับวิกฤติ 4 เซนติเมตร โดยเขื่อนเจ้าพระยาคงอัตราการระบายน้ำไว้ที่ 75 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)ต่อวินาที เพื่อรักษาระบบนิเวศน์ ผลักดันน้ำเค็มและผลิตน้ำประปาในจังหวัดภาคกลางและกทม.เท่านั้น

น้ำโขงฮวบหาดโผล่ยาวกว่า2กม.

ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ จ.หนองคายลดลงต่อเนื่องจนมีระดับต่ำน่าเป็นห่วง วัดได้ 1.41 ม. เกิดหาดทรายโผล่ริมฝั่งแม่น้ำโขงหลายแห่ง โดยเฉพาะในเขตต.บ้านเดื่อ อ.เมือง จ.หนองคาย เกิดหาดทรายกว้างกว่าร้อยเมตร ยาวกว่า 2 กิโลเมตร ทำให้เกษตรกรที่ทำเกษตรอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงกว่า 2,000 ไร่ ต้องต่อท่อพีวีซียาวหลายร้อยเมตรจนเกือบ 1 กิโลเมตร เพื่อสูบน้ำจากแม่น้ำโขงมารดพืชผักที่ปลูกไว้ ส่วนมากจะเป็นยาสูบ มะเขือเทศและข้าวโพด ทำให้ต้นทุนต้องเพิ่ม

ส.อ.ท.แนะรง.ใช้น้ำบาดาลรับแล้ง

ด้านนายบวร วงศ์สินอุดม รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงแผนรับมือภัยแล้งในภาคอุตสาหกรรมว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งคือ กลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยแล้ง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งน้ำในการผลิต ซึ่งภาคอุตสาหกรรมเตรียมสำรองน้ำฝนและแหล่งน้ำธรรมชาติ น้ำบาดาลไว้ใช้ในโรงงาน ทั้งนี้ จะผลักดันให้โรงงานอุตสาหกรรมนำน้ำบาดาลมาใช้ร่วมกับน้ำผิวดินในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ได้อำนวยความสะดวกให้สมาชิกในการขออนุญาตขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล รวมทั้งขอให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลผ่อนปรนข้อกำหนดการสูงน้ำบาดาลในพื้นที่วิกฤตแผนดินทรุดในช่วงภัยแล้งนี้ ซึ่งพื้นที่หลักๆที่จำกัดการสูบน้ำบาดาลจะอยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล

นายกฯจ่อตรวจภัยแล้ง22มค.นี้

เย็นวันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าในวันที่ 22 มกราคานี้ จะลงพื้นที่จ.นครสวรรค์และจ.ชัยนาทไปเยี่ยมประชาชน ดูแลความลำบาก ความเดือดร้อนเพื่อไปหาทางแก่ไขปัญหา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเรื่องภัยแล้งที่รัฐบาลได้เตรียมการไว้แล้ว โดย โดยทบทวนแผนคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ และมีการปรับแก้ใหม่ให้เหมาะสมกับการดำรงชีวิของพี่น้องเกษรกร

แสดงผลิตภัณฑ์ยางในทำเนียบ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ได้เตรียมตั้งราคากลางค่าขนส่งต่างๆ หลังราคาน้ำมันลดลง เพื่อให้เกิดความเหมาะสม โดยราคาที่ลดลงก็เอาไปเสริมในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง เช่นทำถนนที่ต้องเพิ่มสัดส่วนยางพาราเข้าไป5เปอร์เซ็น

นายกฯ กล่าวว่า ในวันที่ 19 มกราคมก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และการใช้ประโยชน์จากยางพาราที่ทำเนียบฯ ซึ่งมีทั้งนักวิจัย นักพัฒนา รวมถึงผู้ประกอบการที่นำตัวอย่างมาให้เราดูงาน ให้8 กระทรวงนำไปประยุกต์ใช้

ผู้สื่อข่าวถามว่า งบประมาณที่จะใช้รับซื้อยางพาราในราคากิโลกรัมละ 45 ของรัฐบาลจะนำมาจากที่ใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็มีเงินจากค่าธรรมเนียมการส่งออกยาง ของการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) เริ่มต้นก่อนเท่าที่มีอยู่

บอร์ดการยางเดินหน้าแล้ว

ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า ที่สำนักงาน กยท. มีการประชุมนัดแรกของคณะกรรมการบริหาร กยท.(บอร์ด กยท.) นำโดยพล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เป็นประธาน และให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า บอร์ด กยท.เตรียมพร้อมเดินหน้าตามนโยบายรัฐบาล คือเร่งจ่ายเงินไร่ละ1.5 พันบาท ไม่เกินรายละ15 ไร่ ให้เกษตรกรชาวสวนยางและคนกรีดยางให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ม.ค.นี้ และการรับซื้อยางจากเกษตรกรรายย่อย 100,000 ตัน ร่วมกับ องค์การคลังสินค้า(อคส.) และ คสช.โดยในวันที่ 19 มกราคม จะนำรายละเอียดเสนอต่อ ครม.เพื่อให้เห็นชัดว่า จะใช้เงินในการบริหารจัดการ และทำขั้นตอนการปฎิบัติให้เงินถึงมือเกษตรกรรายย่อยทุกราย รวมทั้งที่อยู่ห่างไกล ได้เข้าถึงโครงการนี้อย่างแท้จริง

ตั้ง3พันจุดรับซื้อยาง

นายสุรพล จารุพงศ์ โฆษกกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่าการกยท.ต้องร่างแผนปฎิบัติการของกยท.ที่ใช้เงินจากค่าธรรมเนียมการส่งออกยาง หรือเงินเซส วงเงิน4.5 พันล้าน ในการรับซื้อยาง1 แสนตันตามบัญชีรายซื่อเกษตรกรสวนยาง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง และกำหนดคุณสมบัติยางที่รับซื้อ จะซื้อตั้งแต่ยางก้อนถ้วย น้ำยางดิบและยางแผ่นดิบชั้น3 ที่ตั้งราคาไว้45 บาท ส่วนคุณภาพต่ำกว่าจะกำหนดราคาลดทอนลงไปตามสูตรความชื้น

“บอร์ดกยท.จะพิจารณาแผนกำหนดรายละเอียดอย่างชัดเจนให้มีความโปร่งใสมากที่สุด ซึ่งการกำหนดจุดรับซื้อ 3 พันจุด ในโซนภาคเหนือ และภาคอีสาน 1 พันจุด และภาคใต้ 2 พันจุด ได้ประสานหน่วยงานในพื้นที่เข้าไปดูแลความเรียบร้อยแล้ว

“บิ๊กฉัตร”ห้ามสวมสิทธิ์ขายยาง

ขณะที่บ่ายวันเดียวกันพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ เรียกประชุมด่วนคณะทำงานในการแก้ปัญหายางพารา ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่รมว.เกษตร ปฎิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

กระนั้นก็ตามมีแหล่งข่าวระบุว่าการประชุมหนนี้ รมว.เกษตร ย้ำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เข้าไปซื้อยางจากเกษตรกร 1แสนตัน ไม่ให้เกิดกรณีปัญหาร้องเรียนจากเกษตรกรอย่างเด็ดขาด เงินทุกบาทจะต้องถึงมือเกษตรกรโดยตรงรวมถึงคนที่มาขายกับโครงการต้องเป็นเกษตรกรเท่านั้นซึ่งต้องกำหนดกรอบทำงานอย่างรัดกุมเพื่อปิดช่องโหว่งป้องกันพ่อค้านำยางในสต๊อกตนเอง มาขายที่จุดรับซื้อโดยสวมสิทธิเกษตรกร ที่อาจทำให้เกิดปัญหาความไม่โปร่งใสขึ้นได้

“เริ่มรับซื้อวันที่25 ม.ค. นี้ซึ่งกยท.จะเป็นหน่วยงานหลักในการเข้าไปรับซื้อทั่วประเทศ และเจ้าหน้าที่ของกยท.จะเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพยาง ประจำจุดรับซื้อทุกแห่ง โดยมีการรับซื้อทั้งหมด ตั้งแต่ยางก้อนถ้วย น้ำยาง และยางแผ่นดิบ เพราะกยท.เป็นหน่วยงานเดียวที่มีความเขี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพยางได้อย่างมีประสิทธิภาพ “แหล่งข่าวระบุ และว่ามีรายชื่อเกษตรกรชาวสวนยางทุกจุดอยู่แล้ว

ในขณะที่นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวจากการสำรวจข้อมูลขณะนี้มีเกษตรกร กว่า 3แสนรายประสงจะเข้าร่วมโครงการนี้ประเดิมซื้อขายยางในวันที่ 25 มกราคม

Leave a comment