star retro : ฮาน่า-ทัศนาวลัย จักรพงษ์ หวนคืนจอในรอบ 6 ปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/entertain/199972

วันอาทิตย์ ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

star retro : ฮาน่า-ทัศนาวลัย จักรพงษ์ หวนคืนจอในรอบ 6 ปี

พร้อมเผยเคล็ดลับของครอบครัวแสนสุข

หลังจากที่พักงานในวงการบันเทิงกว่า 6 ปีเพื่อไปทุ่มเทเวลาดูแลครอบครัว ทั้งลูกๆ และสามี วันนี้ ฮาน่า-ทัศนาวลัย จักรพงษ์ กลับมาพร้อมผลงานละครเรื่องใหม่“ที่หนี้มีรัก” ของค่าย เป่าจินจง ฉะนั้นสตาเรทโทรไม่รอช้ามีโอกาสเจอสาวฮาน่าก็ขอเข้าไปอัพเดทเรื่องราวชีวิตครอบครัวของเธอมาฝากแฟนๆ รวมถึงเหตุผลที่ทำให้เธอกลับมารับงานการแสดงอีกครั้ง

กลับมาเล่นละครในรอบ 6 ปี

ใช่ค่ะ 6 ปี หลังจากแต่งงาน เพราะว่าตั้งแต่แต่งงานไม่ได้รับละครเลย คือฮาน่าต้องบินต่างประเทศไปอยู่ที่นิวยอร์ก อังกฤษ แล้วพอมีลูกก็พักคุณฮิวโก้(จุลจักร จักรพงษ์) ก็อยากให้มีเวลามากขึ้น แต่พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ก็กลับมารับละครค่ะ ตอนนี้มีเรื่อง “ที่หนี้มีรัก” เรื่องเดียวเลยค่ะอยากรับทีละเรื่อง จบเรื่องนี้แล้วค่อยว่ากัน บทไม่เหนื่อยมาก แต่มีปรับเวลาการมากอง อยู่กอง เพราะคิดถึงลูก (ยิ้ม) แต่เดี๋ยวนี้ดีค่ะมีเฟซไทม์ เทคโนโลยีทำให้เราใกล้กัน วันๆ อยู่กองไม่มีอะไรก็โพสต์รูปลูก ดูรูปลูกๆ ลงไอจีบ้าง กลายเป็นอินสตาแกรมลูกไปแล้วตอนนี้

ช่วงที่ห่างหาย

ดูแลครอบครัวค่ะ อยู่กับลูก ดูแลสามี แล้วก็ทำธุรกิจเสริม เพราะฮาน่าเป็นคนที่อยู่เฉยๆ ไม่ได้ ในระหว่าง 5-6 ปี ฮาน่า
ก็ทำรายการ เป็นพิธีกรรายการ รับผลิตรายการด้วย ทำโปรดักชั่น มีเปิดคลินิกความงาม หาอะไรทำให้ตัวเองไม่รู้สึกเบื่อ เพราะจะไม่มีความสุขถ้าต้องอยู่เฉยไปวันๆ ก็เลยทำอะไรบ้างดีกว่า แล้วการที่เรากลับเข้ามาในวงการบันเทิงอีกครั้ง ก็ทำให้เรารู้สึกว่า เราต้องดูแลตัวเองนะ ให้ยังสาวยังสวยและแข็งแรงอยู่

อะไรทำให้ตัดสินใจกลับมาเล่นละคร

ก่อนหน้านี้มีติดต่อมาตลอดนะคะทุกปี เราก็นั่งดูบทไปมีหลายบทน่าสนใจ แต่พอมีลูกคนที่สอง ฮาน่ารู้สึกว่าเราควรจะกลับมาทำอะไรบ้างในวงการบันเทิง เพราะเราก็คิดถึงอยู่ตลอดเวลา ชอบบรรยากาศในกองถ่าย พอได้บทเรื่อง “ที่หนี้มีรัก” อ่านบทแล้วดีเลยค่ะ บวกกับไม่มีถ่ายต่างจังหวัด อยู่ในกรุงเทพฯ หมดเลย และอีกอย่างฮาน่าเกรงใจ อาตู่( นพพล โกมารชุน) เพราะอาตู่ชวนและถามตลอดว่าเมื่อไหร่จะกลับมาเล่นละครสักที รับหรือยัง คือจริงๆ คนที่เรานับถือเป็นพ่ออีกคนก็คืออาตู่นะค่ะ เพราะฉะนั้นเมื่ออาตู่ชวนก็ต้องมาแล้วล่ะค่ะ ง่ายต่อการตัดสินใจอย่างยิ่งค่ะ บทบาทนี่ไม่ได้ถามเลยด้วยซ้ำ แค่อาตู่มาเอ่ยปากปุ๊บว่าอยากให้มาเล่นก็รับเลย

บรรยากาศของการกลับมา

สนุกสนานมากค่ะ เป็นตามที่เราคิดไว้แต่ก็มีตกใจเหมือนกันว่านักแสดงใหม่หมดเลย ใครกันบ้างนะ วัยรุ่นเพียบ ดูเป็นป้าแก่อยู่ในกอง ทุกคนยกมือสวัสดีครับ/ค่ะ (หัวเราะ) แต่ก็มีรุ่นใหญ่กว่าเราอย่างพี่เอ้-ชุติมา, พี่แชมเปญ เอ็กซ์, พี่เอก-เอกชัยก็รู้สึกสนุกสนานเฮฮาลั้นลากันในกอง และอีกอย่างฮาน่าคิดว่าต้องเคาะสนิมแน่ๆ เพราะไม่ได้เล่นละครนาน แต่ปรากฏว่าพอเรามาเล่นเรารู้สึกสมูท รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย อย่างเช่นการรับ-ส่ง เพราะเรามีคนรับ-ส่งที่ดี ทุกอย่างก็สมูทขึ้น ตอนแรกนะกลัวมาก ต้องเทคหลายเทคแน่ๆ ไม่ได้เล่นนาน แต่เอาเข้าจริงๆ กลายเป็นว่าเทคเดียวสองเทคผ่าน ยังได้อยู่นะ (ยิ้ม)

ถือว่าบทโดนใจ

ใช่ค่ะ ได้แต่งตัวสวยๆ งามๆ แต่งตัวทั้งวัน สมใจ สนุกสนานค่ะ บทไม่ได้ยากมาก เป็นสีสันของเรื่อง ก็คาดหวังว่าแฟนๆ จะได้
เห็นหน้าเรา เพราะก็มีหลายคนถามไถ่เข้ามาว่าเมื่อไหร่จะกลับมาเล่นละคร ถามตลอดในเวลา 5 ปีที่พักไป ก็นี่แหละค่ะเรื่องนี้ “ที่หนี้มีรัก”กลับมาแล้ว ติดตามกันดูนะคะ เป็นเรื่องที่สนุกสนานตลกๆ ฮาน่าว่าน่าจะช่วยผ่อนคลายและหายคิดถึงฮาน่าค่ะ

จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิงของฮาน่า

ฮาน่าเริ่มจากการถ่ายโฆษณา แล้วก็มาถ่ายแบบเดินแบบ เล่นหนัง แล้วค่อยมาเล่นละคร มีทำพิธีกรด้วย ซึ่งละครกับการทำพิธีกร เป็นสิ่งที่ฮาน่าคิดว่าชอบที่สุดนะ ทำพิธีกรสนุก เพราะเราทำโปรดักชั่นเอง แล้วเราก็ออกกองเองได้เจอคนเยอะ สัมภาษณ์คนเยอะ ทำให้เราได้เรียนรู้คนหลายคน ได้เรียนรู้หลายอาชีพเป็นอะไรที่สนุก เป็นสองอย่างที่ชอบคือ พิธีกรกับเล่นละครค่ะ

ผลงานประทับใจและภูมิใจ

เรื่อง “เก็บแผ่นดิน” ของอาตู่นี่แหละค่ะ คือสุดยอด ฮาน่าไว้บนหิ้งเลยก็ว่าได้ เพราะว่าไม่คิดว่าคนจะจำชื่อตัวฮาน่าในเรื่องนั้นได้พอพูดชื่อ “เข่งล่า” ทุกคนจำได้ นี่คือ 10 กว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นฮาน่าเด็กมาก แทบจะเป็นละครเรื่องแรกๆ ของฮาน่า ก่อนหน้าก็มีเล่นบ้างแต่ก็พักไปเพราะฮาน่ารู้สึกว่าละครไม่ใช่ฮาน่า เราอาจจะไม่ได้เกิดมาทางนี้ ไม่เอา หยุดไป จนอาตู่มาทำให้รู้สึกว่า นักแสดงต้องทำอย่างงี้นะให้เราฝึกพูด รู้จักการแสดงมากขึ้น ก็เริ่มรู้สึกว่าน่าจะเป็นสิ่งที่เราทำได้นะ พอได้เล่นก็เริ่มซึมซับกลายเป็นว่าตอนนี้รักเลยค่ะงานแสดง แต่ก็จะพยายามรับปีละเรื่อง ให้แฟนๆ ได้เห็นหน้ากันบ้าง เพราะต้องดูแลลูก ดูแลสามี

บทบาทของคุณแม่ลูก 2ของน้องฮาร์เปอร์และฮันเตอร์

เหนื่อยมากนะคะ แต่มีความสุขมากเช่นเดียวกัน ลูกชายทั้งสองคนนี้จะบ้าพลังมาก โชคดีที่คนโตฮาน่าปลูกฝังเขาตั้งแต่แรกเลยก่อนมีน้อง และเขาก็เป็นคนที่อยากจะมีน้องเองด้วยนะ มารีเควสกับคุณแม่ว่าขอน้องชายนะ เพราะเขาบอกว่าถ้ามีน้องผู้หญิงไม่รู้จะเล่นหรือพูดยังไงกับน้องดี ทำตัวไม่ถูกเขาอยากได้น้องชายจะได้เล่นด้วยกัน พอมีน้องชายปุ๊บเราก็บอกเขาว่า ถ้ามีน้องก็ต้องเสียสละนะ คนอื่นเขาอยากมีน้องแต่ไม่มีนะ ฮาร์เปอร์โชคดีแค่ไหนที่มีน้อง ฮาร์เปอร์ต้องดีกับน้องเยอะๆ นะ เราบอกและปลูกฝังเขาเอาไว้ก่อน พอน้องเกิดมาเราก็จะไม่ไปดูแลหรือเทคแคร์น้องเกินไป เดี๋ยวเขาอิจฉา ก็จะปล่อยให้คุณพ่อ หรือคุณยาย ดูแลน้องไป เพราะเด็กแรกเกิดยังไม่มีความรู้สึกอะไรกินอิ่ม นอนหลับ ก็แฮปปี้แล้ว แต่คนที่รู้เรื่องคือคนโต อย่าไปใส่ใจน้องมากจนเขาคิดว่า ทำไมแม่ไม่ดูแลเขาเลย ช่วงปีแรกจะดูแลคนโตไป คนเล็กก็ดูแลนะแต่ก็ต้องดูตอนที่ฮาร์เปอร์ไปโรงเรียน ดูแลเต็มที่ พอฮาร์เปอร์กลับมาบ้านปุ๊บก็เปลี่ยนมาดูแลคนพี่อย่างเดียวเลย

หลังๆ มาคนพี่มาบอกอีกแล้วนะว่า คุณแม่อยากได้น้องสาว ขอน้องสาวได้ไหม เขาเป็นคนที่รักเด็กมาก ไปตามห้างหรือที่ไหนๆ เห็นคนเข็นรถเด็กนะ จะวิ่งเข้าไปหา ดูหน้าจับเล่นกับเขา เขาเป็นคนอ่อนโยนมาก ทุกคนจะเห็นว่าเขาเป็นเด็กผู้ชายที่เล่นกับเด็กเบา เพราะเราสอนว่าต้องทำเบาๆ จะไม่ทำอะไรน้องรุนแรง กลายเป็นว่าตอนนี้มีแต่น้องมาทำพี่ เตะ ต่อย หยิก กัด พี่ทุกอย่าง(แล้วแบบนี้จะมีน้องสาวให้ฮาร์เปอร์ไหม) ยังค่ะ ชายสองตอนนี้ก็ตบตีกันวุ่นวาย คือฮาน่าเป็นคนที่แบบจะทำอะไรก็ต้องทำให้ดี เลี้ยงใครก็ต้องมีเวลาจริงๆ แล้วนี่สองคนฮาน่ายังรู้สึกว่าเราจะผลัดเวลาจากคนนั้นมาคนนี้ยังลำบากเลย ถ้ามีอีก เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าไม่มีเวลาให้ทั้งหมด คือเอาจริงๆ นะ ไม่ได้กะจะมีลูกกันเลย แต่งงานแพลนกันไว้ว่าเราอยู่กันสองคน เที่ยวไปไม่มีห่วง เพราะเป็นคนชอบทำงานด้วยกันทั้งคู่ แต่พอมีฮาร์เปอร์ปุ๊บ ตอนแรกช็อกนะไม่ได้ตั้งใจ กำลังย้ายไปอยู่นิวยอร์กด้วยกันสักพักเอง แล้วก็ท้อง เราก็เครียดละ เราจะต้องกลับมาเมืองไทย แต่พอมีคนแรกก็อยากจะมีคนที่สอง ให้เขาอยู่เป็นเพื่อนกัน เวลายามแก่เฒ่า หรือตอนที่เราจากเขาไปแล้ว จะได้มีคนช่วยคิด เขามีพี่น้องจะได้ดูแลกัน เราไม่อยู่ก็น่าจะโอเคแล้ว

ในมุมมองฮาน่า คุณพ่อฮิวโก้เป็นแบบไหน

เขาเป็นแฟมีลี่แมนมากๆ ค่ะ รักลูก รักครอบครัวมาก ทำทุกอย่างแทนเราได้หมด ลูกๆ จะชอบเล่นกับเขากว่าเราอีก เพราะเด็กผู้ชายน่ะ แต่ถ้าถามว่าใครดุ เข้มงวด กฎเกณฑ์เยอะกว่ากัน ก็คงเป็นพ่อ ตอนแรกเราคิดว่าเป็นเรานะ จริงๆ ที่จะต้องโหด ดุ กลายเป็นพ่อดุที่สุด มีกฎเกณฑ์เยอะมาก เรากลายเป็นคนใจดีไปเลยจริงๆ แล้วลูกเขารู้ทางเราค่ะ พอมาอ้อนพูดจาเพราะๆ ชมเอาอกเอาใจเข้าหน่อย ใจอ่อน อยากได้อะไรให้หมด แต่กับคุณพ่อไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีขั้นตอนมีระเบียบ นอนต้องเป็นเวลา กินก็ต้องอยู่บนโต๊ะ ทานข้าวนั่งกินกับผู้ใหญ่ เจ้าระเบียบมาก เขาก็จะเลี้ยงแบบฝรั่ง ทุกอย่างไม่ใช่ขึ้นอยู่กับเด็ก เราต้องเป็นคนกำหนด เพราะเราเป็นพ่อ-แม่

ความสวีทหวานลดน้อยลงไหมเมื่อมีลูก

ก็มีนะ เขาบอกเลยว่า เราต้องหาเวลาหนีไปกันสองคนบ้าง ไม่ใช่ไปไหนจะมีลูกไปด้วยตลอดเวลา แต่กลายเป็นว่าพอจะไปญี่ปุ่นกันสองคน ฮาน่าก็จะบอกว่าขอเอาลูกไปด้วยได้ไหม สงสารอยากให้เขาไปเที่ยว กลายเป็นว่าพอไปปุ๊บก็กลายเป็นทริปลูก ทุกอย่างต้องไปหมดเลย ยูนิเวอร์แซลอะไรที่เป็นเลโก้แลนด์ทุกอย่างที่เป็นเด็กหมด กลายเป็นว่าพ่อ-แม่ไม่ได้เที่ยวตลอด (หัวเราะ) ก็จะเปลี่ยนเป็นหนีไปทะเล เที่ยวในประเทศไทยปีละครั้งสองครั้งค่ะ

การเป็นคุณแม่สอนอะไรให้กับชีวิตบ้าง

สอนให้ฮาน่าใจเย็นค่ะ เมื่อก่อนฮาน่าเป็นคนใจร้อนมากๆ ขี้หงุดหงิด และเป็นคนขับรถไวมาก ลงถนนปุ๊บคิดว่าขับรถแข่งตลอดเวลา จะต้องไปถึงที่หมายภายในเวลาที่กำหนด แต่พอมีลูกปุ๊บความคิดเปลี่ยนฉันจะต้องเก็บชีวิตไว้เลี้ยงลูก ฉันจะไม่มาตายบนถนน แล้วยิ่งมีลูกนั่งบนรถด้วยนะ เรายิ่งต้องรอบคอบให้มากที่สุด สามีนั่งด้วยเคยถาม“นี่เธอจะรีบไปไหน” พูดหลายครั้งก็ไม่ฟังแต่ก็ได้ลูกนี่แหละค่ะมาเบรก ใจเย็นลงความอดทนมีมากขึ้น

กับงานเบื้องหลังอย่างการเป็นผู้จัดฯ

จริงๆ มีคนมาติดต่อให้ไปทำเยอะนะคะ 4-5 เจ้า ฮาน่ารู้สึกว่า อย่าเพิ่งหาเรื่องให้ตัวเองดีกว่า ให้ลูกๆ เข้าโรงเรียนกันให้หมดก่อน แต่ฮาน่าก็ยังไมได้คิดไปไกลนะ เพราะเราต้องตักตวงประสบการณ์อีก แล้วช่วงเวลาที่ฮาน่าหายไป 5-6 ปี พอกลับมาก็อยากจะมาอยู่ตรงนี้สักพัก ดูลาดเลาก่อนว่าพร้อมไหม ตอนนี้แค่คิดว่ากลับมารับจ้างเล่นละครก่อน แต่ถ้าพร้อมก็อาจจะกลับไปทำพวกรายการ เพราะฮาน่าก็มีผลิตให้กับหลายๆ ที่อยู่เหมือนกัน

เรียกว่าตอนนี้ชีวิตครบสูตรสมบูรณ์แบบ

ครบนะคะ การที่ครอบครัวมีลูกแล้วเราถือว่าครบละนะ เหมือนลูกๆ มาเติมเต็มในส่วนที่เราไม่เคยคิดว่าอยากมี แล้วพอมีปุ๊บเราก็มานั่งคิด ถ้าเราไม่มีเขา เราคงเสียใจมากนะ กลายเป็นว่าทุกวันมีเรื่องให้เราคิด ปวดหัว แก้ปัญหา ดีใจ มีความสุข

ความคาดหวังกับลูกๆ

ให้เขาเป็นคนดีค่ะ อยู่ในแนวทางที่ดีได้เจอสิ่งที่ดีๆ คนดีๆ เพราะว่าเพื่อนหรือคนรอบข้างที่ดีมีความหมายนะ ลูกโตขึ้นจะเป็นยังไง เพื่อนมีส่วนสำคัญ ให้เขาไปทางไหนแล้วเราก็ต้องสั่งสอนลูกเราให้ดี ฮาน่าจะไม่ปล่อยเลยถ้าลูกทำอะไรไม่ดี แล้วบอกว่าเขายังเด็กอยู่ ฮาน่าจะคิดว่าเราต้องเตือนต้องบอกเพราะถ้าโตไปเขาอาจจะคิดว่าแบบนี้เขาทำได้ ทำถูก เพราะฉะนั้นต้องห้าม คำพูดไหนที่คิดว่าไม่ดีไม่มีสัมมาคารวะเราต้องสอนตั้งแต่ตอนนี้ ฮาน่าสอนหมดเลย หลายคนบอกว่า ทำไมมารยาทดี พูดเพราะจัง นี่แหละก็เพราะเราสอนเขาตั้งแต่เด็กๆ ต้องหมั่นสอนแต่ก็เหน็ดเหนื่อยนะ เพราะเขาจะติดเพื่อนที่โรงเรียนมา แต่เดี๋ยวพอโตไป เขาคงเจออีกเยอะค่ะ ตอนวัยรุ่นนี่น่ากลัวสุด แต่ก็ต้องดูแลกันไป เด็กเลี้ยงยากขึ้นเยอะ มีสิ่งล่อแหลมมากมายในสังคม เพราะฉะนั้นพ่อ-แม่ต้องมีเวลาให้ลูกเยอะๆ อย่าปล่อยเขาไว้กับพี่เลี้ยงหรือใครก็ตาม เพราะเขาคงไม่สอนลูกเราได้ดีเท่าเรา

คติในการดำเนินชีวิต

ฮาน่าอยู่ในความไม่ประมาท ทุกอย่างต้องมีสติ เพราะสติเท่านั้นที่จะทำให้เรารู้สึกว่าประคองชีวิตไปได้โดยราบรื่น อย่าทำอะไรโดยขาดสติ จะพูดอะไรก็ตาม ขอให้คิดก่อนทำ คิดก่อนพูด แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง (กับชีวิตคู่?) ต้องซื่อสัตย์และให้เกียรติซึ่งกันและกันค่ะ เราทำได้ เขาทำได้ เราทั้งสองคนจะคิดเหมือนกันว่าเราต้องให้เกียรติกันนะผู้หญิง ผู้ชายมีสิทธิ์เท่ากัน เราต้องไม่โกหกซึ่งกันและกัน ต่อให้เรื่องนั้นจะดีหรือแย่ก็ต้องคุยกันตรงๆ จะสามารถประคองชีวิตคู่แบบครอบครัวไปได้ อะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็อย่าไปใส่ใจมาก เราเป็นคนที่ไม่เก็บเรื่องหยุมหยิมมาคิด หรือทะเลาะกันเพราะเรารู้สึกว่าทะเลาะไปก็เท่านั้น สุดท้ายก็ต้องดีกัน เราเป็นสามีภรรยากันมีลูกที่ต้องดูแล ถ้าอะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เราก็ไม่น่าทะเลาะกันนะ แต่ถ้าเรามีปัญหากัน เราจะต้องเคลียร์วันเดียวให้จบค่ะ พี่ฮิวโก้เขาจะไม่เก็บให้ข้ามวันเด็ดขาด ต้องให้จบเพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ไม่ดีค่ะ

ความประทับใจในคุณสามี

ความเสมอต้นเสมอปลายค่ะ เมื่อก่อนเป็นแบบไหน วันนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลง 10 ปีที่แล้วเป็นยังไง ตอนนี้
ก็เป็นแบบนั้น ยังโทรศัพท์หาเหมือนเดิม เวลาไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไปทำงาน นี่คือความโรแมนติกที่เขาทำให้ แล้วเขาก็จะรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรให้เรารู้สึกดีทุกวัน ทะเลาะกันก็มีบ้าง แต่ก็จะเป็นเรื่องลูกแค่นั้นเอง เราอาจจะตามใจลูกไป บางทีเขาไม่ให้อันนี้ แต่เราสงสารลูก ก็ยอมมีบ้าง เขาเลี้ยงแบบฝรั่ง เราเลี้ยงแบบไทย นอกนั้นก็จะไม่มีทะเลาะเพราะว่าเรารู้แล้วแหละว่าสิ่งที่ทำอะไรแล้วจะทะเลาะกันก็จะไม่ทำก็จบไป

มีเคล็ดลับเติมเต็มความอบอุ่นให้ครอบครัวได้น่ารักแบบนี้นี่เอง ถึงทำให้แต่ละวันของฮาน่ามีแต่ความสุข แม้จะทำงาน เลี้ยงลูกเหนื่อยแค่ไหน ถ้าได้กำลังใจดีๆ จากลูกๆและสามีสุดที่รัก แค่นี้ก็เพียงพอแล้วใช่ไหมจ๊ะฮาน่า

กระแตน้อย

Leave a comment