ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/199462
27 ม.ค. 59 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงข่าวถึงภาพรวมมาตรการรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรตั้งแต่วันที่25 ม.ค.ที่ผ่านมาว่ามีปริมาณรับซื้อ2 วันรวม 141 ตัน มีเกษตรกรมาขาย 1,429 ราย เป็นยางแผ่นดิบ 84.27 ตัน น้ำยางสด 10.80 ตัน ยางก้อนถ้วย 47.29 ตัน ซี่งยังถือว่าปริมาณน้อยเพราะเกษตรกร จากประเด็นสำคัญในบางพื้นที่เข้าสู่ช่วงปิดกรีด ภาคใต้มีฝน รวมทั้งเกษตรกรต้องการเป็นเงินสด แต่การดำเนินการของกยท.เป็นไปตามระเบียบที่โอนเงินผ่านธกส. ได้สั่งการให้ ปรับวิธีการเร็วขึ้น เพิ่มจุดรับซื้อให้เกษตรกรนำยางมาขายได้สะดวกขึ้น อย่างไรก็ตามเกษตรกรยังมีสิทธิอยู่สามารถมาขายได้ตลอดจนถึง30 มิ.ย.
“ให้กยท.ไปดูสถานการณ์ในพื้นที่ปรับเปลี่ยนเพิ่มจุดให้ครบ 834 จุด เพราะเกษตรกรมีที่ซื้อขายประจำในท้องถิ่น ซึ่งจะเปิดรับซื้อต่อไปตามภาพรวมกำหนด1 แสนต้น และการกำหนดโควต้ารายละ150 กก.ได้เอาจำนวนเกษตรกรมาพิจารณาดูด้วย เพื่อให้เกิดความทั่วถึงเกษตรกรรายย่อยมากที่สุด”รมว.เกษตรฯกล่าว
นายเชาว์ ทรงอาวุธ ผู้ปฎิบัติหน้าที่ผู้ว่าการยาวแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่าการรับซื้อครั้งนี้ได้กำหนดเกรดคุณภาพยาง ราคา จำนวน ทุกอย่างทำอย่างโปร่งใส เพื่อป้องกันพ่อค้า เอกชนหรือชาวสวนยางรายใหญ่ นำยางเข้ามาเทขายให้กับโครงการ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนกับการซื้อยางราคานำตลาดในโครงการมูลภัฑณ์กันชนที่ผ่านมา
“มาตรการแทรกแซงราคายางครั้งนี้ ถือว่าบรรลุเป้าหมายในเรื่องราคาไม่ตกต่ำและประสบความสำเร็จหยุดเลือดไหลได้แล้วที่สามารถดึงราคายางไม่ให้ต่ำกว่า30 บาทได้ หากรัฐบาลไม่ลงไปรับซื้อ ราคาลงไปอีกเกษตรกรสวนยางจะวิฤกติย่ำแย่มาก ช่วงนี้มีปริมาณยางมาขายน้อยเพราะธรรมชาติเกษตรกรขายยางเป็นรอบๆ ต่อไปอาจขยายให้สถาบันเกษตรกรให้เป็นจุดรับซื้อ จากที่เกินโควต้า150 กก. เพราะ ราคาต่างกันไม่มากกับตลาด ตอนนี้ราคายางปรับตัวขึ้นทุกวัน1-2 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้นตลอดเวลาก่อนที่จะรัฐบาลจะรับซื้อ 30-33 บาทตอนนี้ขึ้นมา41-42 บาท ถือว่ามาตรการนี้เป็นประโยชน์กับชาวสวนยางโดยตรง “นายเชาว์ กล่าว
ผู้ปฎิบัติหน้าที่ผู้ว่ากยท.กล่าวอีกว่า การเปิดจุดรับซื้อต้องดูสถานการณ์ช่วงนี้หลายพื้นที่หยุดกรีด รอช่วงฤดูเปิดกรีดหน้าเดือนพ.ค.ซึ่งต้องซื้อให้ครบกำหนด1 แสนตันตามที่หน่วยงานราชการต้องการใช้ยางในปี59 สำหรับผลลัพท์ต่อไปเกิดอย่างไร นำมาวิเคาระห์กัน ซึ่งครม.ได้มีมติให้วงเงิน1.5 หมื่นล้านให้เอกชนกู้ไปเพิ่มเทคโนโลยีในการแปรรูปยาง จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้ซื้อยางจากเกษตรกรมากขึ้น รวมทั้งให้วงเงินกู้เกษตรกรสวนยางรายละ1 แสนบาท ไปพัฒนาสร้างความเข้มแข็ง จะเห็นว่ารัฐบาลนี้ได้อุดหนุนเงินจำนวนมากในการปรับโครงสร้างยางพาราครบวงจร ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าโลกด้านยางแผ่นรมควันคุณภาพดีมาตลอดที่ส่งออกมากที่สุด 3.7 ล้านตัน ดังนั้นต้อง มาปรับสมดุลภายในด้วยเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ในการแปรรูป เอาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาทำให้ลดค่าต้นทุนการผลผลิตลงได้เพิ่มการแข่งขันได้ด้วยในภาวะราคาน้ำมันและเศรษฐกิจโลกผันผวน