ดึง6แบงก์ปัดฝุ่นปล่อยสินเชื่อยาง แจงรับซื้ออืดเหตุคนกลางถีบราคา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/199398

วันอังคาร ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559, 20.09 น.
26 ม.ค. 59 ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบผลิตภัณฑ์ยาง ในวงเงิน 15,000 ล้านบาท เป็นห้วงระยะเวลาใหม่ ตั้งแต่ปี 2559-2569 รวม 10 ปี ซึ่งจากเดิมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยมีมติเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557 เป็นโครงการในลักษณะเดียวกัน มีผู้ปล่อยสินเชื่อคือธนาคารออมสิน อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงอุตสาหกรรม การดำเนินการอยู่ในห้วงเวลา ปี 2557-2567 ซึ่งพบปัญหา ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้คือ ผู้ประกอบการในผลิตภัณฑ์ยางมีคุณสมบัติไม่ผ่านเงื่อนไขของธนาคารออมสินที่กำหนดไว้ เพราะฉะนั้นแนวทางการแก้ไขก็คือ คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ได้หารือกับ กระทรวงอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปว่า โครงการนี้ควรจะดำเนินต่อไป แต่ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์ใหม่ ให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ ที่พอไปได้ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย

“การดำเนินการโครงการนี้ ก็หมายความว่า วงเงินสินเชื่อเท่าเดิมคือ 15,000 ล้านบาท ส่วนผู้ปล่อยสินเชื่อจากเดิมที่เป็นธนาคารออมสินเพียงหน่วยเดียว แต่วันนี้มีผู้เข้ามาร่วมเพิ่มรวมเป็น 7 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารซีไอเอ็มบี” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว และว่า ขณะที่ผู้ประกอบการที่จะทำโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ยาง จะต้องเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในขั้นปลายน้ำ คือ ผลผลิต หรือ ผลิตภัณฑ์ ที่ออกจากบริษัท หรือโรงงาน จะต้องเป็นวัสดุที่ใช้ได้เลย เช่น ถุงมือยาง ยางยืด ยางล้อ และยางที่นำไปใช้ในด้านวิศวกรรม รวมถึงต้องใช้เพื่อการขยายกำลังการผลิต หรือปรับปรุงเครื่องจักร อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีข้อแนะนำ ให้เพิ่มเติมความชัดเจนในประเด็นการขยายกำลังการผลิต ไม่ได้หมายความว่า กู้เงินไปซื้อ หรือปรับปรุงเครื่องจักรเพียงอย่างเดียว ต้องหมายรวมถึงการสร้างโรงงานใหม่ หรือขยายเพิ่มเติม และจัดหาที่ดินเพิ่มเติม ให้เกิดความคลอบคลุม

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า สำหรับคุณสมบัติของผู้กู้สินเชื่อ จะต้องสามารถนำยางที่เป็นปัจจัยการผลิต มาเพิ่มปริมาณการใช้ยางได้ 4 ตัน ต่อ 1 ปี ต่อวงเงินกู้ 1 ล้านบาท หากใครต้องการจะกู้เป็น 2 ล้านบาท ก็ต้องนำยางเข้ามาผลิตเพิ่มให้ได้ปีละ 8 ตัน ทั้งนี้มีเงื่อนไขคือ ในปีแรกที่เพิ่งเริ่มกู้เงิน จะอนุญาตปล่อยสินเชื่อให้แค่ครึ่งเดียว คือ 2 ตัน จากนั้นจึงเข้าหลักเกณฑ์ปกติ โดยรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้ ร้อยละ 3 ต่อปี ตลอดห้วงเวลาการดำเนินการ ส่วนอัตราดอกเบี้ย และหลักประกันสินเชื่อ ทางธนาคารจะเป็นผู้กำหนด ซึ่งกำหนดระยะเวลาในการสมัครขอสินเชื่อ 1 ปี นับตั้งแต่ ครม.อนุมัติวันนี้ และมีการมอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯ เป็นผู้ควบคุมจำนวนสินเชื่อ และคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จะควบคุมการใช้ยางของแต่ละโรงงานที่กู้สินเชื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์

“รัฐบาลคาดการณ์คำนวณดูแล้วว่า ท่านผู้มาใช้บริการทั้งหมด รัฐจะต้องชดเชยดอกเบี้ยประมาณ 450 ล้านบาท ต่อปี เมื่อครบ 10 ปี จะต้องชดเชย 4,500 ล้านบาท จะสามารถทำให้มีปริมาณการใช้ยางเพิ่มขึ้นได้ถึง 60,000 ตัน ทั้งหมดนี้ถ้าทำไปแล้ว จะทำให้อุตสาหกรรมการผลิตยางในประเทศขยายตัวขึ้น เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในประเทศ และมีการต่อยอดนวัตกรรมเพิ่มขึ้น เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ที่พยายามช่วยเหลือผู้ประกอบการยาง แต่ไม่ได้หมายความว่า จะส่งเสริมให้คนปลูกยางมากขึ้น เพราะยางล้นตลาด ต้องลดการปลูกในอนาคต” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกฯ ยังกล่าวอีกว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานจำนวนการรับซื้อยางช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ต่อนายกรัฐมนตรี ทั้งสิ้น 70.6 ตัน แบ่งเป็นยางดิบ 47.3 ตัน น้ำยาง 4.2 ตัน และยางก้นถ้วย 19.3 ตัน ถือว่าน้อยมาก สาเหตุเพราะฝนตก เกษตรกรอาจนำมาขายน้อย ด้านพ่อค้าคนกลาง พอเห็นว่ามีการรับซื้อในราคาสูง ก็ขยับราคาขึ้นมาใกล้เคียงกับรัฐบาล ต่างกันเพียง 1-2 บาท

“สาเหตุที่รับซื้อยางงวดแรกได้น้อย คือ เกษตรกรเขามีความรู้สึกว่า 1.ถ้าจะมาขายรัฐต้องแยกให้ชัดเจน ยางต้องมีความบริสุทธิ์พอสมควร 2.ถ้าไปขายกับพ่อค้าคนกลางจะไม่ค่อยมีการคัดสรร แล้วราคาต่างกันไม่มาก จึงยอมเพื่อความสะดวก 3.เขามาดูลาดเลา ว่าตลาดพ่อค้าคนกลางซื้อขายในราคาใกล้เคียงรัฐบาล เลยนำไปขาย แต่ตัวเองยังมีโควตา 150 กิโลกรัม วันข้างหน้าถ้าขายไม่ได้ตามราคาพ่อค้าคนกลาง ก็จะมาขายกับรัฐบาล เรื่องนี้ที่เกิดขึ้น รัฐบาลไม่ได้วิตกกังวลอะไร เพราะปัจจัยสำคัญที่เราต้องการ คือทำอย่างไรให้พี่น้องเกษตรกรขายยางได้ในราคาที่เหมาะสม ใกล้เคียงกับราคาตลาดโลกมากที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ถือว่าสมประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย” พล.ต.สรรเสริญ ระบุ

Leave a comment