ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/202483
เพื่อสดุดีและบำเพ็ญกุศลถวาย เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ครบ 39 ปีของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิตวันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 นี้ ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับภาครัฐและเอกชน จัดงาน “วันวิภาวดี” ขึ้น ดังเช่นทุกปี ณ ลานพระอนุสาวรีย์ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
งานเริ่มตั้งแต่เวลา 08.30 น. โดยมีม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต พระธิดา เป็นประธานในพิธี ซึ่งกิจกรรมประกอบด้วยการจุดธูปเทียนบูชาพระรูปจำลองพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต พิธีวางพวงมาลา การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ การมอบสิ่งของแก่ผู้สูงอายุ การแสดงดนตรีไทยโดยคณะนักเรียนโรงเรียนวัดเวียงสระ เป็นต้น
สำหรับพระประวัติพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ทรงมีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าวิภาวดี (รัชนี) รังสิตทรงเป็นธิดาในพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ (พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส)ต้นราชสกุลรัชนี และหม่อมเจ้าพรพิมลพรรณ (วรวรรณ) รัชนี ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2463 ทรงศึกษาที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และทรงศึกษาหลักสูตรสมบูรณ์ศึกษาเพิ่มเติมอีก 3 ปี
พระองค์หญิงทรงมีพระปรีชาสามารถทางอักษรศาสตร์เช่นเดียวกับพระบิดา กรมหมื่นพิทยาลงกรณ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการหนังสือในนามปากกา “น.ม.ส.” ทรงเขียนเรื่องสำหรับเด็กเมื่อชันษาเพียง 14 ปี โดยใช้นามปากกาว่า “ว.ณ ประมวญมารค” ทรงนิพนธ์นวนิยาย อาทิ เรื่อง ปริศนา รัตนาวดี เจ้าสาวของอานนท์ อีกทั้งสารคดีเรื่อง “ตามเสด็จปากีสถาน” และพระราชินีนาถวิกตอเรีย คลั่งเพราะรัก ฯลฯ

ต่อมาได้เสกสมรสกับหม่อมเจ้าปิยะรังสิต รังสิต เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2489 มีธิดา 2 คน คือ หม่อมราชวงศ์วิภานันท์ และหม่อมราชวงศ์ปรียนันทนา รังสิต
พระองค์หญิง ทรงเข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรภาคต่างๆ ตั้งแต่พ.ศ.2500 และต่อจากนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โดยเสด็จในตำแหน่งนางสนองพระโอษฐ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเมื่อเสด็จเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการถึง 23 ประเทศในระยะ 10 ปีสุดท้ายของพระชนม์ชีพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระองค์หญิงปฏิบัติภารกิจแทนพระองค์ในด้านการพัฒนาพื้นที่ทุรกันดารภาคใต้ ทรงนำหน่วยพระราชทานไปช่วยเหลือประชาชนในท้องที่ที่ไกลและทุรกันดารที่สุด โดยมิได้ทรงย่อท้อต่อความยากลำบาก
จนในที่สุดชาวบ้านจึงได้ขนานพระนามว่า “เจ้าแม่” พระองค์หญิงทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นด้วยการเสด็จเยี่ยมเยียนพาแพทย์ไปรักษาพยาบาลคนที่เจ็บป่วย จัดสิ่งของหยูกยาไปช่วยชาวบ้านที่ยากไร้หรือประสบภัย แจกอุปกรณ์การศึกษาแก่เด็กนักเรียน แนะนำการงานอาชีพและส่งเสริมศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทั้งยังคงนำสิ่งของพระราชทานไปเยี่ยมบำรุงขวัญเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พลเรือน สมาชิกกองอาสาสมัครรักษาดินแดนแม้ในเขตที่มีผู้ก่อการร้ายปฏิบัติการอย่างรุนแรง ก็ยังทรงพระอุตสาหะเสด็จไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ถึงแนวหน้า

จนกระทั่งวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2520 ระหว่างทางเสด็จโดยเฮลิคอปเตอร์เพื่อเยี่ยมบำรุงขวัญทหาร ตำรวจเจ้าหน้าที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทรงทราบจากวิทยุว่า มีตำรวจตระเวนชายแดน ได้รับบาดเจ็บจากการถูกกับระเบิด 2 นาย ด้วยความที่ทรงห่วงใยผู้บาดเจ็บว่าจะได้รับการรักษาพยาบาลไม่ทันท่วงทีจึงรับสั่งให้นักบินนำเฮลิคอปเตอร์ร่อนลงเพื่อรับเจ้าหน้าที่ 2 นายนั้นไปส่งโรงพยาบาลแต่ขณะที่นักบินนำเครื่องร่อนลงต่ำผู้ก่อการร้ายได้ระดมยิงเฮลิคอปเตอร์ กระสุนทะลุเข้ามาถูกพระองค์หญิง ทรงได้รับบาดเจ็บสาหัส และสิ้นพระชนม์ก่อนเสด็จถึงโรงพยาบาล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาหม่อมเจ้าวิภาวดี รังสิต เป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิตและพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์และประถมาภรณ์ช้างเผือก และรัฐบาลได้ตั้งชื่อถนนซูเปอร์ไฮเวย์จากดินแดงไปรังสิตว่า “ถนนวิภาวดีรังสิต” เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ความกล้าหาญเสียสละและจงรักภักดีของพระองค์ท่าน

ถึงแม้ว่าพระองค์หญิงได้สิ้นพระชนม์ไป 39 ปีแล้ว แต่คุณงามความดีของท่านยังอยู่ในความทรงจำของชาวใต้ ชาวสุราษฎร์ธานีได้กำหนดจัดวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของทุกปี คือวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เป็น“วันวิภาวดี” เพื่อทำพิธีสดุดีและบำเพ็ญกุศลถวาย ณ พระอนุสาวรีย์ 5 แห่งทั่วจังหวัดสุราษฎร์ธานี