ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/202156
เมื่อสุนัขคัน การแสดงออกนั้นอาจไม่ใช่แค่เอามือ(ขาหน้า) เกาเหมือนในคนนะครับ ยังมีในรูปของการที่สุนัขเอาอวัยวะที่คันไปถูกับผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน การเลีย หรือการใช้ฟันกัดหรือแทะตัวเอง ซึ่งระดับของการคันก็อาจมีตั้งแต่คันเล็กน้อยแค่บางตำแหน่งของร่างกาย จนถึงมีอาการคันมากจนกัดแทะตัวเองจนผิวหนังเป็นแผลทั้งตัวก็เป็นได้
การที่สัตว์เกา ถู เลีย หรือแทะตัวเองนั้น เป็นการกระทำเพื่อลดการระคายเคืองผิวหนัง บรรเทาอาการหงุดหงิด ความไม่สบายตัว และเป็นกลไกในการป้องกันตัวเองในการขจัดสิ่งแปลกปลอม ปรสิตภายนอก หรือสิ่งที่เป็นพิษให้ออกไปจากร่างกายอีกด้วย
สาเหตุของการคัน
สาเหตุที่ทำให้สุนัขมีอาการคันนั้น อาจแบ่งได้คร่าวๆ ดังนี้
● ปัญหาจากพยาธิภายนอก ได้แก่ เห็บ หมัด เหาไรในหู ไรขี้เรื้อน รวมทั้งขี้เรื้อนแห้ง และขี้เรื้อนเปียกด้วยซึ่งโดยปกติแล้ว ปัญหาจากไรขี้เรื้อนเปียกในช่วงแรกมักจะไม่มีอาการคัน แต่ในระยะที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ทำให้มีหนองซึ่งจะทำให้เกิดอาการคันอย่างมากได้
● ปัญหาการติดเชื้อ จากแบคทีเรีย ยีสต์ หรือเชื้อรา
● ปัญหาจากโรคภูมิแพ้ ซึ่งโรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อยในสุนัข คือ การแพ้น้ำลายหมัด แพ้อาหาร สิ่งแวดล้อม และการแพ้ที่เกิดจากการสัมผัส
อาการคันมักเกิดขึ้นที่ส่วนใดของร่างกายสัตว์
โดยปกติแล้ว อาการคันในสุนัข สามารถพบได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหู หัว หน้า รอบปาก รักแร้ ท้อง ขาหนีบ สะโพก โคนหาง หรือเท้าทั้งสี่ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค เช่น
“ไรขี้เรื้อนแห้ง” มักทำให้สุนัขมีอาการคันที่บริเวณขอบใบหู
“ไรขี้เรื้อนเปียก การติดเชื้อยีสต์และปัญหาภูมิแพ้” มักพบว่าสุนัขสุนัขชอบแทะหรือเลียที่บริเวณเท้าทั้งสี่
“การแพ้น้ำลายหมัด” มักทำให้สุนัขคันและแทะบริเวณสะโพกหรือโคนหาง เป็นต้น
การที่จะช่วยให้สัตวแพทย์รักษาอาการคันให้ได้ผลดีนั้น จำเป็นต้องได้รับข้อมูลจากเจ้าของสัตว์อย่างละเอียดทั้งเรื่อง อาการ ระยะเวลาที่เริ่มมีอาการคัน ความถี่ของการเการวมถึงสิ่งปกติที่พบที่ผิวหนัง ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้นำมาประกอบการตรวจวินิจฉัย สัตวแพทย์จะทำการซักประวัติอย่างละเอียด เพื่อให้ครอบคลุม โดยจะมีการตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเลือกการตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ และเพื่อให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป
สัปดาห์หน้า เรามาดูวิธีการเตรียมตัวเพื่อให้ข้อมูลแก่สัตวแพทย์ รวมถึงวิธีการตรวจวินิจฉัยและการรักษากันครับ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย