แพทย์แนะเติมชีวิตคู่ให้สมบูรณ์ ควรตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/202872

วันพฤหัสบดี ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 06.00 น.

สูติ-นรีแพทย์ โรงพยาบาลปิยะเวท เผยตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน เปรียบเสมือนประตูด่านแรกที่จะสกัดกั้นการส่งผ่านโรคสู่คนที่คุณรัก จึงไม่ควรละเลยเรื่องนี้เป็นอันขาด แม้ว่าคุณหรือคู่รักจะไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อโรคก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่จะตามมาภายหลัง ที่สำคัญยังช่วยป้องกันการเกิดโรคที่จะติดต่อไปยังลูกน้อยในอนาคตอีกด้วย

นพ.พิเชฐ ผนึกทอง สูติ-นรีแพทย์ โรงพยาบาลปิยะเวทกล่าวว่า สำหรับคู่รักหลายคู่ที่กำลังมองหาของขวัญให้กับคนที่คุณรักอาจเริ่มต้นด้วยการมอบสุขภาพที่ดีตอบแทนความรักความห่วงใยเติมเต็มความรัก ซึ่งกันและกันด้วยการให้ความสำคัญกับการ“ตรวจสุขภาพก่อนแต่งงาน” เพื่อให้การมีชีวิตคู่ของคุณเป็นไปด้วยความพร้อมที่จะเริ่มต้นครอบครัวใหม่ โปรแกรมการการตรวจสุขภาพมีทั้ง การตรวจร่างกายโดยสูตินรีแพทย์อย่างละเอียด (Physical Examination by OB-GYN) ตรวจหมู่เลือดและความเข้ากันได้ของเลือด (ABO and Rh Grouping) เพื่อให้ทราบหมู่เลือด ABO และ หมู่เลือด Rh+ ซึ่งพบได้บ่อยในคนไทย

แต่บางคนอาจมีหมู่เลือด Rh- ซึ่งหาได้ยาก ต้องมีการสำรองเลือดเพื่อความปลอดภัย และหมู่เลือด Rh – จะส่งผลต่อการตั้งครรภ์ครั้งที่ 2 ทำให้เสี่ยงต่อการแท้งบุตรสูงตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) เป็นการหาความเข้มของเลือดซึ่งในสตรีไทยพบว่าการทานอาหารแบบเร่งด่วนในปัจจุบันส่งผลให้ภาวะซีดสูงขึ้น ซึ่งควรเพิ่มความเข้มของเลือดโดยการทานธาตุเหล็กบำรุงก่อนตั้งครรภ์เพื่อพัฒนาการที่ดีของบุตรในครรภ์และทราบถึงปริมาณเกล็ดเลือด ซึ่งส่งผลต่อการห้ามเลือดตอนคลอดบุตร

นพ.พิเชฐ ผนึกทอง

ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี และภูมิคุ้มกัน (HBs Ag and anti-HBs) เป็นการตรวจหาภูมิคุ้มกันและเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือสายเลือด จึงอาจส่งผลต่อการมีลูกในอนาคตได้ ตรวจหาความเสี่ยงโรคธาลัสซีเมีย (Hemoglobin Typing)เป็นการตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรม เพื่อให้ทราบว่าคู่สมรสนั้น มีความเสี่ยงที่จะมีบุตรเป็นโรคธาลัสซีเมียหรือไม่ และจะมีทางเลือกอย่างไรบ้างในการมีบุตร และหาแนวทางในการป้องกันตั้งแต่ต้น ตรวจหาเชื้อเอดส์ (Anti HIV) การตรวจหาเชื้อเพื่อจะได้มีการป้องกันการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ด้วยวิธีการใส่ถุงยางอนามัย และวางแผนลดการติดเชื้อไปสู่บุตรได้ ตรวจหาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน (Rubella for immune status) เป็นการตรวจเพื่อค้นหาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสหัดเยอรมันในสตรี ซึ่งผลการตรวจพบว่าไม่มีภูมิคุ้มกัน ควรฉีดวัคซีนและคุมกำเนิดอย่างน้อย 3 เดือน เนื่องจากหากติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์อาจมีโอกาสที่ทารกจะพิการหรือแท้งสูง

Leave a comment