ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/203320
ตลาดเก้าห้องวิถีชุมชนริมน้ำ
การตั้งชุมชนสมัยก่อนนั้นมักอาศัยแม่น้ำเป็นหลักในการเดินทางจอดเรือบรรทุกสิ่งของและทำการค้าขาย ซึ่งมีตลาดเก่าอยู่หลายแห่งตามริมแม่น้ำ อาทิตย์นี้ได้ตามรอยไปหาตลาดเก่าที่ยังอยู่ คือตลาดเก้าห้อง ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 เทศบาลตำบลบางปลาม้า เขตเมืองสุพรรณบุรี ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อ 100 ปีมาแล้วตลาดแห่งนี้เป็นตลาดเก่าที่เป็นย่านการค้าใหญ่อยู่ริมแม่น้ำท่าจีนหรือแม่น้ำสุพรรณบุรี ซึ่งปัจจุบันยังคงสภาพเป็นตลาดอยู่โดยมีห้อง อาคารคนอยู่ไม่ทิ้งหนีไปใหน แม้ว่าจะมีบางส่วนทรุดโทรมตามกาลเวลา ก็ยังรักษาสภาพให้คงอยู่ให้เห็น หอดูโจร โรงสีเก่า ศาลเจ้าและเรือนใหญ่หรือบ้านเก้าห้อง ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตลาดแห่งนี้ เรือนใหญ่หรือบ้านเรือนไทยใต้ถุนสูงนี้ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำท่าจีนเป็นเรือนของขุนกำแหงลือชัย (ต้นตระกูลประทีปทอง) หัวหน้ากลุ่มลาวพวนที่อพยพมาตั้งบ้านเรือนอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งต่อมาได้เป็นนายกองส่วย มีบรรดาศักดิ์เป็นขุนกำแหงลือชัยทำหน้าที่ดูแลกลุ่มคนในพื้นที่นี้ช่วยราชการขุนกำแหงลือชัยนี้ได้ปลูก เรือนฝาปะกนตามที่นิยมกันในสมัยนั้นโดยมีเรือนกลาง เมื่อมีลูกหลานแต่งงานออกเรือนก็จะสร้างเรือนต่อเรือนกลางยาวออกไป ด้วยเหตุที่ขุนกำแหงลือชัยมีลูกหลานหลายคนจึงมีเรือนต่อถึง 9 ห้อง ชาวบ้านจึงพากันเรียกว่า เรือนหรือบ้านเก้าห้อง
ต่อมาจีนฮง ซึ่งมีบิดาเป็นจีนอพยพมากับเรือสินค้าที่เดินทางเข้ามาตามแม่น้ำท่าจีนนั้น ได้แต่งงานกับนางแพ หลานสาวของขุนกำแพงลือชัย จึงได้ตั้งเรือนแพทำการค้าขายโดยอาศัยอยู่ริมท่าน้ำหน้าบ้านของขุนกำแหงลือชัยนั้นเอง จีนฮงได้ทำการค้าร่ำรวยจนเป็นที่รู้จักทั่วไป ทำให้โจรพาพวกมาปล้นชิงทรัพย์สินและฆ่านางแพเสียชีวิต ทางการได้ออกติดตามไล่ล่าจนจับโจรได้พร้อมทรัพย์สินที่ปล้นไป หลังจากนั้นจีนฮง ได้แต่งงานใหม่กับนางส้มจีน และคิดสร้างตลาดขึ้นบนบกริมฝั่งแม่น้ำด้านตะวันตกตรงข้ามกับเรือนหรือบ้านเก้าห้อง ในราวปีพ.ศ.2465 ตลาดแห่งนี้จึงมีการค้าขายครึกครื้นด้วยมีโรงสีข้าวและร้านค้าขายเกิดขึ้นจำนวนมากใน ไม่ช้าก็กลายเป็นชุมทางการค้าที่มีเรือและเกวียนบรรทุกข้าวไปมาหาสู่ โดยตลาดเก้าห้องแบ่งออกเป็นสามส่วน เรียกว่าตลาดบน ตลาดกลาง และตลาดล่าง ซึ่งมีซอยเล็กๆ และมีร้านค้าอยู่ตลอดแนว ปากซอยตลาดบนนั้นมีศาลเจ้าพ่อทุ่งแค ตั้งอยู่ตลาดกลางเป็นตลาดเก่าที่สั้นที่สุดมีร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านกาแฟร้านเสื้อผ้า เดิมตลาดกลางเป็นโรงสีของนายทองดีต่อมาได้สร้างห้องแถวไม้เพิ่ม 10 ห้อง เดิมนั้นมีท่าเรือใช้ติดต่อซื้อขายสินค้า ข้าวสาร มีเรือโดยสารไปถึงเมืองสุพรรณ และกรุงเทพฯ ส่วนตลาดล่างนั้นมีศาลเจ้าพ่อหลักเมืองและศาลผู้สร้างตลาดซึ่งมีการเซ่นไหว้ทุกปี

ศาลผู้สร้างตลาดเก้าห้อง
ด้วยความเป็นย่านการค้าขนาดใหญ่ตลาดแห่งนี้จึงเป็นที่รู้จักกันในแม่น้ำท่าจีนว่า ตลาดบ้านเก้าห้อง ในปี พ.ศ.2477 จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและมีก๊กโจรอยู่หลายกลุ่มออกมีข่าวเรื่องโจรปล้นตลาดนั้นทำให้มีการสร้างหอดูโจรขึ้นสำหรับป้องกันเหตุร้าย หอดูโจรนี้เป็นอาคารก่ออิฐฝีมือช่างจีนก่ออิฐถือปูน กว้างยาวด้านละ 3 เมตร มีความสูงประมาณ 10 เมตร ทำเป็น 4 ชั้น ตามผนังทั้ง 4 ด้านนั้นเจาะรูขนาด 3 นิ้ว สำหรับเอาปืนส่องยิงโจรอาละวาด ด้านล่างภายในหอนั้นมีบันไดเหล็กสำหรับปีนขึ้นไปยังดาดฟ้า สามารถมองเห็นสภาพของตลาดเก้าห้องได้โดยรอบทั้งด้านแม่น้ำและบนบก
ทุกวันนี้ตลาดเก้าห้องยังเป็นชุมชนที่มีผู้คนอาศัยอยู่และมีวิถีของย่านการค้าในชุมชนตามแบบเดิม ไม่ถูกทิ้งหรือเปลี่ยนแปลงอย่างที่อื่น เป็นชุมชนที่สะท้อนความเป็นย่านการค้าในอดีตให้ได้ชัดโดยมีการอนุรักษ์และจัดทำพิพิธภัณฑ์ตลาดเก้าห้องให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ โดยยังมีร้านค้าและชาวบ้านนำสินค้าอาหารคาวหวานมาขาย ให้กับผู้มาเยือนตามแบบบ้านบ้าน เช่น ขนมประแนม ขนมเปี๊ยะ ขนมจันอับ กะหรี่พัฟ ขนมถ้วยฟู กาแฟโบราณ ห่านพะโล้ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ราดหน้า ผัดไทย เป็นต้นร้านค้านั้นยังมีสิ่งของใช้เก่า เช่น โทรศัพท์ นาฬิกา โต๊ะ เก้าอี้ ประดับอยู่ ด้วยความที่เป็นตลาดที่มีชีวิตแบบเก่า จึงทำให้เป็นที่สนใจของการถ่ายทำละครและภาพยนตร์อยู่เสมอ ซึ่งมีการถ่ายทำไปแล้วหลายเรื่อง เช่น ลายมังกร, ดงดอกเหมย, อั้งยี่,อยู่กับก๋ง, แม่เบี้ย, เจ็ดประจัญบาน เป็นต้น ถือเป็นย่านตลาดเก่าที่ยังมีชีวิตและมีเสน่ห์น่าสนใจยิ่ง

เจ้าพ่อหลักเมืองในตลาดเก้าห้อง

จีนฮง และ นางส้มจีน-ผู้สร้างตลาดเก้าห้อง

พิพิธภัณฑ์ตลาดเก้าห้อง

พิพิธภัณฑ์ของชุมชนในตลาด

ร้านค้าของเก่าในสภาพเดิม

ตลาดเก้าห้องที่ยังคงสภาพในปัจจุบัน

ตลาดริมน้ำที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน

ร้ายขายสินค้าของตลาดเก้าห้อง

ร้านขายของเก่าในตลาดเก้าห้อง

เรือนหลังใหญ่ที่มีเก้าห้องแห่งเดียว

หอดูโจรสำหรับป้องกันโจรปล้นตลาด

หอดูโจรที่ตลาดเก้าห้อง