ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/200900
5 ก.พ. 59 ที่ฟาร์มหมูบุญรัตน์ ม.12 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา นายสืบศักดิ์ จินดาพล กำนันตำบลโคกกลอย ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ประจำปี 2558 สาขาปราชญ์เกษตรผู้นำชุมชนและเครือข่าย นำผู้สื่อข่าวเยี่ยมชมการเลี้ยงหมูด้วยระบบที่สะอาดและทันสมัย มีการควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ด้วยระบบอุโมงค์ลม และทุกวันจะมีน้ำเสียจากการล้างคอกหมูและขี้หมูซึ่งได้กลายเป็นสมบัติอันล้ำค่าของฟาร์มด้วยการนำสิ่งปฏิกูลจากการเลี้ยงหมูทั้งหมดมาผลิตก๊าซชีวภาพ เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าไว้ใช้เองภายในฟาร์ม เป็นการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
ปัจจุบันในฟาร์มมีเลี้ยงหมูขุนกว่า 3,000 ตัว สามารถผลิตกำลังไฟฟ้าได้ประมาณ 30 กิโลวัตต์และผลิตได้สูงสุดถึง60กิโลวัตต์ สามารถลดต้นทุนในเรื่องค่าไฟฟ้าได้เดือนละกว่า 60,000 บาท นอกจากนี้การบริหารจัดการฟาร์มแบบนี้สามารถลดปัญหาในเรื่องกลิ่นไปรบกวนชุมชนใกล้เคียง น้ำส่วนที่เหลือจากการหมักก๊าซสามารถนำไปเป็นปุ๋ยน้ำอย่างดี ในส่วนตะกอนนั้นจะถูกส่งไปที่บ่อตากตะกอนเพื่อทำปุ๋ยไว้ใช้ในสวนเกษตรอีกด้วย

นายสืบศักดิ์ จินดาพล เปิดเผยว่าในอดีตนั้น แต่ละวันจะมีสิ่งปฏิกูลที่ถูกปล่อยทิ้งเป็นจำนวนมาก ทำให้มีปัญหาเรื่องส่งกลิ่นเหม็นและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวัน นอกจากจะสร้างความรำคาญต่อชุมชนแล้วยังสร้างปัญหาให้สิ่งแวดล้อม และในขี้หมูนั้นมีก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์ผสมอยู่ ซึ่งก๊าซทั้ง 2 ชนิดเป็นอันตรายต่อชั้นบรรยากาศ หลังจากได้เดินทางไปศึกษาดูงานการน้ำของเสียมาเปลี่ยนเป็นพลังงานทดแทนจากฟาร์มที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำให้สามารถผลิตเป็นไฟฟ้าใช้ภายในฟาร์ม ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านกระแสไฟฟ้า และลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย
สำหรับรูปแบบของบ่อหมักของเสียที่ฟาร์มแห่งนี้ทำในระบบบ่อหมักแบบพลาสติกคลุมบ่อ หรือระบบ Cover Lagoon “เป็นบ่อหมักปิดสนิท ไม่มีปัญหากลิ่นเหม็นและแมลงวัน ซึ่งการทำลงทุนไม่สูง ใช้เวลาสร้างไม่นาน” แค่นำพลาสติกมาคลุมบ่อหมักที่ทุกฟาร์มจะต้องมีกันอยู่แล้ว โดยบ่อหมักแบบนี้จะใช้ระยะเวลาในการหมักให้เกิดแก๊สประมาณ 10-20 วัน จากนั้นแก๊สที่เกิดขึ้นมาจะถูกส่งผ่านไปยังเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือ Generator เพื่อผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าไปใช้ในฟาร์มต่อไป