ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/586836
โดย คุณนิติ นวรัตน์ 7 มี.ค. 2559 05:01

อังคารพรุ่งนี้ กรมปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด 2 รอบ กับผู้ฟัง 2 กลุ่ม เช้า 09.00- 12.00 น. รับใช้หลักสูตรผู้บริหารงานทั่วไป ที่อาคาร 2 บ่าย 13.30- 16.00 น. รับใช้ผู้บริหารงานช่าง ที่อาคาร 1 สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น ปทุมธานี
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เกษม เบ็ญจวงศ์ ชวน ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ไปร่วมพิธีงานเฉลิมฉลองวันชาติของเนการา บรูไน ดารุส–ซาลาม เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2559 เนื่องจากมีบุคคลสำคัญมาเยือนประเทศไทย คุณพ่อของผมจึงต้องเฝ้าประเทศ และฝากผู้ช่วย ณวราห์ แจ้งน้ำใจ เดินทางไปร่วมงานแทน
คุณลุงเกษมกับพ่อผมสนิทกันมานานเกือบ 20 ปี ท่านเป็นรองเลขาธิการสมาพันธ์ปัญจสีลัตนานาชาติ เป็นผู้ออกแบบของชำร่วยของท่านสุลต่านแห่งบรูไนที่พระราชทานแก่ประชาชนผู้เดินทางไปทำฮัจญ์ และออกแบบของชำร่วยสำหรับงานมงคลต่างๆของเชื้อพระวงศ์แห่งราชอาณาจักรบรูไน แม้แต่ตอนที่บรูไนจัดงานซีเกมส์ เมื่อ ค.ศ. 1999 ก็คุณลุงเกษมนี่ล่ะครับ เป็นที่ปรึกษาพิธีเปิด-พิธีปิดของซีเกมส์ครั้งนั้น
พ่อผมตระเวนบรูไนเมื่อ พ.ศ. 2544 ไปตามโรงเรียนอนุบาล ประถม มัธยม ไปศึกษาอุตสาหกรรมการขุดเจาะน้ำมัน เยี่ยมชมผืนป่า เรียนรู้เรื่องทรัพยากรทางทะเล เข้าชมสัตว์ป่าและพันธุ์พืชหายากภายในเขตอุทยานแห่งชาติเบลาลง เยี่ยมชุมชนหมู่บ้านน้ำกัมปงไอเยอร์ ซึ่งเป็นชุมชนชาวน้ำเก่าแก่ ที่ชอบที่สุดของบรูไนก็คือ ทะเลและชายฝั่งทะเลที่ยังคงความเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และจะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของบรูไนในอนาคต
บรูไนเป็นประเทศขนาดเล็กที่มีผู้คนเพียง 4.1 แสน มีพื้นที่เพียง 5,765 ตารางกิโลเมตร เท่ากับฉะเชิงเทรา (5,351 ตร.กม.) เล็กกว่าจันทบุรีนิดหน่อย (6,338 ตร.กม.) แต่มีรายได้มหาศาลจากการส่งออก น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ทำให้จีดีพีต่อหัวของผู้คนสูงเป็นอันดับ 2 ในอาเซียนรองจากสิงคโปร์ ในขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจกลับอยู่ในลำดับที่ 7 ของอาเซียน ดูถึงตรงนี้แล้วก็คิดว่าบรูไนน่าจะมี ปัญหา เพราะรายได้ต่อหัวของประชากรอยู่ในระดับสูง แต่การเจริญ เติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจขาดความต่อเนื่องและไม่ยั่งยืน
บรูไนเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เอาไข่ไปใส่ตะกร้าใบเดียว มูลค่าอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 60 ของจีดีพี และมากกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของประเทศ เมื่อราคาน้ำมันร่วง บรูไนก็พลอยร่วงไปด้วย
รัฐบาลบรูไนจึงเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมภาคการผลิตและการบริการให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม บรูไนมองไกลครับ เมื่อเดือน มกราคม พ.ศ.2551 รัฐบาลบรูไนประกาศ Wawasan Brunei 2035 หรือ Vision Brunei 2035 แปลเป็นไทยก็คือ วิสัยทัศน์บรูไน พ.ศ.2578 อันนี้ถือเป็นแผนระยะยาวที่คลอดออกมาเป็นฉบับแรก และต้องใช้ควบคู่ไปกับแผนระยะกลาง 5 ปี
พ่อผมตระเวนพูดจากับบรรดาผู้คนสำคัญเมื่อ พ.ศ. 2544 หรือ 15 ปีที่แล้วก็ทราบแล้วละครับ ว่าบรูไนต้องการจะพัฒนาภาคเศรษฐกิจที่ไม่ใช้น้ำมันและก๊าซ เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ บรูไนรู้ว่าวันหนึ่งน้ำมันและก๊าซต้องหมด หรือต่อไปในอนาคต โลกจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ไม่ใช้น้ำมัน ถึงวันนั้น บรูไนก็คงเป็นเหมือนจังหวัดเล็กๆ จังหวัดหนึ่ง และจะกลับไปสู่สภาวะยากจนเหมือนในอดีต ดีที่สุดก็คือทำประเทศ ให้มีโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้มีความหลากหลายเอาไว้เสียก่อน
สิ่งที่รัฐบาลบรูไนมุ่งหวังตั้งใจก็คือ ต้องการพัฒนาธุรกิจที่เน้นเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจโลก บรูไนคงไม่มาหวังด้านการเกษตรหรืออุตสาหกรรมเกษตร เพราะพื้นที่ขนาดนี้ทำการเกษตรเป็นหลักก็คงจะมีรายได้ไม่พอกับการใช้จ่ายภายในประเทศแน่นอน
ที่น่าสนใจที่สุดนะครับ ก็คือ ระบบการศึกษาใหม่ของบรูไนที่นำมาจากประเทศฝรั่งเศส เน้นให้เยาวชนคนบรูไนเกิดความตื่นตัวด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่ศึกษา รวมถึงระบบประชาธิปไตย อิสลามมลายู และความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่ในวิชาบังคับ และรัฐบาลบรูไนวางเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนนักศึกษาระดับอุดมศึกษาจากร้อยละ 13 เป็นร้อยละ 30 ภายในเวลา 5 ปี
เรื่องของบรูไนยังมีอีกเยอะครับ ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2558 บรูไนเป็น 1 ใน 12 ประเทศที่ลงนามในข้อตกลง ทีพีพี บรูไนเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาล ใครไปลงทุนด้านสัตว์น้ำและประมงในบรูไน ส่งสินค้าสัตว์น้ำไปขายให้ประชากร 820 ล้านคน โดยมีภาษีเป็น 0 อันนี้น่าสนใจมากครับ พรุ่งนี้มารับใช้กันต่อครับ.
คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand