“หุ่นเชิด” กับ “ผู้นำตัวจริง”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/589695

โดย บวร โทศรีแก้ว 13 มี.ค. 2559 05:01

“หุ่นเชิด” กับ “ผู้นำตัวจริง”

ผู้นำคู่-นางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคเอ็นแอลดี (ขวา) และอู ถิ่น จอ (กลาง) ผู้ช่วยคนสนิท เดินทางไปร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรในกรุงเนปิดอว์ เมื่อ 11 มี.ค. หลังพรรคเอ็นแอลดีเสนอชื่อถิ่น จอ เป็นตัวแทนสภาผู้แทนฯไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแทนนางซูจี (เอเอฟพี)

ตั้งแต่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของนางอองซาน ซูจี “วีรสตรีประชาธิปไตย” ผู้พิชิตรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ปี 2534 ชนะการเลือกตั้งถล่มทลายเมื่อ 8 พ.ย.ปีที่แล้ว ก็มีการ “ลุ้น” กันมาตลอดว่า ใครจะได้เป็น “ประธานาธิบดี” คนใหม่ของเมียนมา สืบแทนท่านเต็ง เส่ง

ซูจีพยายามเจรจาลับๆกับฝ่ายทหารให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2551 โดยเฉพาะมาตรา 59 เอฟ ที่ห้ามผู้มีคู่สมรสหรือลูกเป็นชาวต่างชาติเป็น ประธานาธิบดี ซึ่งทำให้เธอหมดสิทธิ์ แต่ยังไงๆทหารก็ไม่ยอม สุดท้ายเอ็นแอลดีจำต้องเสนอชื่อคนอื่นขึ้นมาชิงเก้าอี้ผู้นำแทน แต่ซูจียืนยันว่าจะ “อยู่เหนือประธานาธิบดี” หรือเป็น “ผู้นำเงา”

เมื่อ 10 มี.ค. เอ็นแอลดีเสนอชื่อ “อู ถิ่น จอ” วัย 69 ปี เป็นตัวแทน ในสภาผู้แทนฯ และนาย “เฮนรี วาน ธิ ยู” ส.ส. จากกลุ่มชาติพันธุ์ชาวฉิ่นชนกลุ่มน้อย เป็นตัวแทนในวุฒิสภา ขึ้นไปชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี ขณะที่พรรคสหภาพสามัคคีและการพัฒนา (ยูเอสดีพี) รัฐบาลเดิมซึ่งทหารหนุนหลัง ก็เสนอชื่อคนของตน 2 คน คือนายไซ มวค คาม รองประธานาธิบดี และนายขิ่น อ่อง มินต์ อดีตประธานวุฒิสภา เข้าแข่งพอเป็นพิธี

เพราะเอ็นแอลดีมีเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภา ผลการโหวตจึงแน่นอนว่า ถิ่น จอ และเฮนรี วาน ธิ ยู ชนะขาด ได้เข้าไปชิงกับมินต์ ส่วย มุขมนตรีนครย่างกุ้ง อดีตนายทหารที่เป็นพันธมิตรกับ พล.อ.อาวุโส ตาน ฉ่วย อดีตผู้นำรัฐบาลเผด็จการตัวแทนของ “กองทัพ” ซึ่งมีโควตาที่นั่งในรัฐสภา 25% ตามรัฐธรรมนูญกำหนด

การโหวตเลือกประธานาธิบดี โดยทั้ง 2 สภาจะมีขึ้นก่อน 31 มี.ค.นี้ ก่อนรัฐบาลพรรคเอ็นแอลดีขึ้นกุมอำนาจใน 1 เม.ย. ถ้าเป็นไปตามคาด “ถิ่น จอ” จะได้เป็นประธานาธิบดี ส่วนเฮนรี วาน ธิ ยู และมินต์ ส่วย จะได้เป็นรองประธานาธิบดี

ถิ่น จอ เกิดเมื่อ 20 ก.ค.2489 จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดในอังกฤษ สาขาเศรษฐกิจ เคยเป็น อาจารย์มหาวิทยาลัย เคยทำงานในกระทรวงอุตสาหกรรมและการต่างประเทศ

จริงแล้วๆ ซูจี วัย 70 ปี รู้จักสนิทสนมกับ ถิ่น จอ มาตลอดชีวิต ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียน เคยร่วมต่อสู้กับรัฐบาลทหารมาด้วยกัน เขาจึงเป็นทั้ง “มือขวา” คนสนิท ที่ปรึกษา แม้กระทั่ง “คนขับรถ” ให้ซูจี

ตัวจริง-แม่ค้านั่งขายเสื้อยืดพิมพ์รูปใบหน้านางอองซาน ซูจี ที่หน้าสำนักงานใหญ่พรรคเอ็นแอลดี ในนครย่างกุ้ง เมื่อ 10 มี.ค. โดย อักษรบนเสื้อแปลว่า “เสรีภาพในการนำ” และ “ผู้นำของเรา” (เอเอฟพี)

บิดาของถิ่น จอ คือมิน ธู วุน เป็นนักเขียน และกวีแห่งชาติ และเป็นสมาชิกพรรคเอ็นแอลดีอาวุโสที่เคยชนะเลือกตั้ง ส.ส.ในปี 2543 แต่ถูกทหารคว่ำกระดาน เขายังเป็นลูกเขยของอู ลวิน อดีตโฆษกและหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเอ็นแอลดีผู้ล่วงลับ โดยภรรยาของถิ่น จอ คือนางซู ซู ลวิน ก็เป็น ส.ส.ของเอ็นแอลดีด้วย

ถิ่น จอ จึงมีชาติตระกูลและการศึกษาไม่น้อยหน้า แต่คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของเขาคือเป็นผู้ “รับคำสั่ง” ที่ดี ซื่อสัตย์ จงรักภักดี พูดน้อย ไม่ทำตัวโดดเด่น เหมาะเจาะลงตัวที่จะเป็น “ผู้นำหุ่นเชิด” ของซูจี

แต่การขึ้นนั่งแท่นผู้นำหัวโขนของถิ่น จอ อาจ มีอุปสรรคถ้าฝ่ายทหารยัง “ตีรวน” ว่าขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุว่าใครจะมีอำนาจเหนือประธานาธิบดีไม่ได้ แต่คาดว่าซูจีกับทหารคงตกลงกันแล้ว

ต่อไปจึงมี “ปุจฉา” ว่า ซูจีจะบริหารประเทศโดยผ่าน “ผู้นำตัวแทน” (Proxy leader) อย่างไร เธออาจรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงที่ตั้งขึ้นมาใหม่ หรือเป็นสมาชิก “สภาความมั่นคงแห่งชาติ” อันทรงอิทธิพลที่ทหารครอบงำอยู่ แต่ก็ต้องสละตำแหน่งในพรรคเอ็นแอลดีเสียก่อน

นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า ซูจีอาจใช้วิธีกุมอำนาจอยู่เบื้องหลังแบบนาง “โซเนีย คานธี” ภริยาม่ายของอดีตนายกฯ ราชีพ คานธี แห่งอินเดีย ผู้ถูกลอบสังหาร โดยโซเนียยังมีอิทธิพลสูงสุดเหนือพรรคคองเกรส แม้ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาลอย่าง เป็นทางการ หรืออาจใช้อำนาจแบบ “ลี กวน ยิว” อดีตนายกฯ ผู้นำผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ผู้ล่วงลับ ซึ่งยังเป็นรัฐมนตรีอาวุโส และที่ปรึกษาคณะรัฐบาล หลังเกษียณอายุแล้ว

แต่ที่สำคัญ ซูจีจะทำให้ทหารซึ่งยังมีอำนาจสูง ยังมีโควตาในรัฐสภาถึง 25% ยังคุมกระทรวงหลักตามรัฐธรรมนูญ ทั้งกลาโหม มหาดไทย และความมั่นคงชายแดน สนับสนุนรัฐบาลใหม่ได้แค่ไหน!

ถึงแม้นานาชาติยกเลิกการคว่ำบาตรเมียนมาแล้ว แต่เมียนมายังเป็นหนึ่งในชาติยากจนที่สุดในโลก ยังพึ่งการเกษตรเป็นหลัก ระบบการศึกษา สาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐานยังย่ำแย่ การ “คอร์รัปชัน” ก็ยังแพร่หลาย

และแม้ก่อตั้งพรรคมา 28 ปี แต่รัฐบาลใหม่เอ็นแอลดียังไร้ประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหาร ขณะที่พวกทหารยังกุมอำนาจทาง เศรษฐกิจส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ รวมทั้งเครือบริษัท “เมียนมา อีโคนอมิก โฮลดิงส์ จำกัด” (MEHL) ซึ่งผูกขาดทำธุรกิจหลากหลาย ทั้งเหมือง แร่ ป่าไม้ ก่อสร้าง ขนส่ง ต้มกลั่นสุรา ฯลฯ

การพัฒนาเศรษฐกิจถ้าทหารไม่ร่วมมือก็เดินหน้าไปได้ยาก หรือถ้าไปแตะต้องไปรื้อขุมข่ายผลประโยชน์ของทหาร มีสิทธิ์ขัดแย้งกันรุนแรง

ส่วนปัญหากลุ่มชาติพันธุ์ แม้หลายกลุ่มลงนามข้อตกลงหยุดยิงแล้ว แต่อีกหลายกลุ่มยังไม่เอาด้วย เพราะยังหวาดระแวงกองทัพ และด้านนโยบายการต่างประเทศ รัฐบาลใหม่ต้องปรับความสัมพันธ์กับ “จีน” และ “มหาอำนาจตะวันตก” นำโดยสหรัฐอเมริกาให้ดีๆ ถ้าเอียง ไปทางหนึ่งทางใดก็อาจเป็นเรื่อง

ภารกิจ “ผู้นำเงา” ของซูจีจึงน่าหนักใจแทน นี่ยังไม่พูดถึงบทบาทเมื่อไปปรากฏตัวบน “เวทีโลก” ซูจี กับ ถิ่น จอ ใครจะนำหน้า ใครจะ อยู่หลัง ดูๆแล้วมันลักลั่นพิพักพิพ่วนยังไงพิกล!

บวร โทศรีแก้ว

Leave a comment