ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/204823
ผุสดี สุจิตจร ผจก.ทั่วไป ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินแบลคมอร์ส
น้ำมันปลา คำนี้คงไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย เพราะทุกคนต่างรู้ว่าน้ำมันปลา มีส่วนช่วยในการดูแลสุขภาพหลากหลายด้าน ดังนั้น เพื่อส่งเสริมและให้ความรู้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำมันปลา บริษัท แบลคมอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับบริษัท บู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรม Miracle of Nutritional Oilคุณค่าแห่งน้ำมันปลา โดยเชิญแพทย์จากสมิติเวช ให้ความรู้
น.ส.ผุสดี สุจิตจร ผู้จัดการทั่วไป ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินแบลคมอร์ส กล่าวว่ากิจกรรมนี้เกิดขึ้นจากแบลคมอร์สและร้านบู๊ทส์มีเจตนารมณ์เดียวกันในการที่จะให้ความรู้ที่ถูกต้องต่อผู้บริโภคว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทน้ำมันปลา มีหลากหลายสูตร ซึ่งมีปริมาณ EPA และ DHA ที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างในการดูแลสุขภาพ ซึ่งการที่จะทำให้ความรู้เหล่านี้ส่งถึงผู้บริโภคได้นั้น บริษัทจึงได้จัดการอบรมให้กับเภสัชกรและ Healthcareprofessional ของร้านบู๊ทส์ เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้รับให้คำแนะนำแก่ลูกค้าที่เข้ารับคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพตนเองในเบื้องต้นด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงสนับสนุนด้านข้อมูลและข่าวสารต่างๆ ผ่าน social media, website เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่เหมาะสมและรองรับความต้องการที่เกิดขึ้น
ด้าน พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล หรือหมอผิง แพทย์วุฒิบัตรเวชศาสตร์ชะลอวัย(สหรัฐอเมริกา) โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิทกล่าวถึง Miracle of Nutritional oil คุณค่าแห่งน้ำมันปลา ว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีอยู่ในปลาและถั่ว เป็นกรดไขมันที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน เพราะโอเมก้า 3 มีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัวคือ EPA และ DHA ช่วยในการดูแลสุขภาพสมองและระบบประสาท รวมถึงดูแลหัวใจปัจจุบันผู้คนมักบริโภคโอเมก้า 6 ซึ่งพบมากในน้ำมันทุกประเภท แต่ความเป็นจริงแล้ว ร่างกายควรได้รับโอเมก้า 3 และ 6 ในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน

พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล
ทั้งนี้ โอเมก้า 3 นอกจากจะช่วยเรื่องของระบบสมองและหัวใจแล้ว ยังช่วยเรื่องการต้านการอักเสบ ที่ไม่ใช่เฉพาะอาการปวด บวมแดงเท่านั้น ทางเวชศาสตร์ชะลอวัย ได้ให้ความสำคัญกับการลดการอักเสบในระดับเซลล์เล็กๆ ซึ่งจะไม่มีการแสดงอาการใดๆ แต่เกิดขึ้นทุกวันส่งผลให้เซลล์เกิดการแก่ตัว หรือเรียกว่าAging ดังนั้น คนที่รับประทานโอเมก้า 3 น้อยจะมีปัญหาเรื่องของการอักเสบ ทำให้เกิดภาวะการอักเสบซ่อนเร้นในร่างกาย เร่งกระบวนการแก่ของเซลล์ต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญอีกประการที่โอเมก้า 3 สามารถช่วยดูแลร่างกายได้ และสามารถตรวจได้จากเลือด เพื่อค้นหาระดับการอักเสบของเซลล์
คนที่ไม่รับประทานอาหารประเภทปลามักมีอาการอักเสบซ่อนเร้นสูง ซึ่งหากปรับการรับประทานอาหาร เน้นการทานปลา ถั่ว หรือทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทน้ำมันปลามากขึ้น ภาวะการอักเสบซ่อนเร้นจะลดลง ดังนั้นทุกคนควรรับประทานปลาอย่างน้อย3 ครั้งต่อสัปดาห์ รวมถึงถั่วชนิดต่างๆ เพื่อเพิ่มโอเมก้า 3 แต่หากเกรงว่าไม่เพียงพอต่อความจำเป็นของร่างกาย การทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทน้ำมันปลาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งแต่ต้องเลือกจากบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในเรื่องแหล่งผลิต ที่จะไม่ปนเปื้อนโลหะหนัก รวมถึงปริมาณ EPA และ DHA ที่ร่างกายต้องการได้รับ ซึ่งควรมีรวมกันไม่น้อยกว่า 500 มิลลิกรัม
“คนไทยในปัจจุบันยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของกรดไขมันโอเมก้า 3น้อยมาก มีความเข้าใจเพียงว่าช่วยในเรื่องโรคหัวใจและสมอง คนที่รับประทานส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอล และความดันโลหิตสูง แต่ในความเป็นจริง มีความสำคัญมากกว่านี้ โอเมก้า 3 ช่วยดูแลร่างกายของเราในภาพรวมได้มาก ดังนั้น จึงควรให้ความสำคัญกับอาหารที่รับประทานมากยิ่งขึ้น เน้นการทานปลา และถั่วชนิดต่างๆ แทนขนมขบเคี้ยว เพื่อให้ร่างกายได้รับโอเมก้า 3 ที่เหมาะสม” พญ.ธิดากานต์ กล่าวในที่สุด