เจือง เติ๊น ซาง บุกแอฟริกา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/591093

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 16 มี.ค. 2559 05:01

 

ความใฝ่ฝันของคนจบปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ และนิติศาสตร์ ก็คือเป็นปลัดอำเภอ ซึ่งขณะนี้กรมการปกครองกำลังเปิดรับคนที่จะสอบเป็นเจ้าพนักงานปกครองปฏิบัติการ (ปลัดอำเภอ)

นอกจากนั้น สำนักงาน ก.พ. ยังสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปประจำปี 2559 สำหรับผู้มีวุฒิ ปวช., ปวท., ปวส., ปริญญาตรี และโท (ทุกสาขา) สนใจเชิญเข้าไปดูที่ http://www.facebook.com/nitipoomtutormoo ในนั้นมีบริการด้านข้อมูลครับ

ขณะที่ท่านที่เคารพจับไทยรัฐฉบับนี้ขึ้นอ่าน นายเจือง เติ๊น ซาง ประธานาธิบดีของเวียดนามก็กำลังเยือนประเทศโมซัมบิก แทนซาเนีย และอิหร่านอย่างเป็นทางการ

เวียดนามเป็นประเทศที่มีข้อตกลงทางการค้าทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคีกับ 55 ประเทศทั่วโลก ทั้งประเทศเล็กชาติน้อย และบุกทุกด้านไม่ว่าการเกษตร พลังงาน ท่องเที่ยว ก่อสร้าง คมนาคมและขนส่ง

บรรดาประเทศในกลุ่มอาเซียน ตอนนี้เวียดนามบุกแรงที่สุด นอกจากนั้น ยังให้ทุนนักศึกษาประเทศในทวีปแอฟริกาเข้ามาเรียนในเวียดนามเป็นจำนวนมาก มองเวียดนามในขณะนี้ เหมือนเวียดนามลอกเลียนเกาหลีใต้เมื่อตอนที่จะเริ่มแข่งกับญี่ปุ่น

ย้อนหลังไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ญี่ปุ่นชนะเกาหลีแทบทุกเรื่อง ห่างชั้นกันไม่เห็นฝุ่น และก็ไม่มีใครนึกดอกครับ ว่าวันหนึ่ง สินค้าหลายประเภทของเกาหลีจะชนะสินค้าของญี่ปุ่น เหมือนเวียดนามกับจีน ตอนนี้ใครก็ยอมรับ ว่าการค้าของจีนไปไกลกว่าเวียดนามเยอะ เวียดนามชนะจีนยาก แต่เวียดนามก็พยายามชิงตลาด และเริ่มชิงได้หลายที่

20 ปีที่แล้ว รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ไปที่ไหนจะได้รับการต้อนรับจากรัฐบาลของประเทศนั้นอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทวีปแอฟริกา เพราะรัฐบาลจีนเข้าไปช่วยสร้างทำเนียบประธานาธิบดี โรงพยาบาล สนามกีฬา ถนนหนทาง เขื่อน สะพาน ฯลฯ สร้างเสร็จก็เอาพ่อค้าจีนเข้าไปคาไว้ในแต่ละประเทศหลายพันคน จนแทบทุกเมืองหลวงจะมีไชน่าทาวน์ใหญ่บ้างเล็กบ้าง

แต่คนจีนชอบกินรวบ ไปทำลายธุรกิจของคนท้องถิ่น ไปซื้อธุรกิจท้องถิ่นแล้วก็ปิดไว้เฉยๆไม่เปิดดำเนินกิจการ ซื้อกิจการคนท้องถิ่นไปเพียงเพื่อตัดคู่แข่ง เมื่อคู่แข่งท้องถิ่นพังแล้ว คราวนี้ธุรกิจจีนก็เริ่มแสดงความโหด ธุรกิจของคนจีนในปัจจุบันจึงถูกต่อต้านจากคนท้องถิ่นอย่างรุนแรงในหลายแห่ง

เมื่อบวกกับคุณภาพสินค้าจีนที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ภาพลักษณ์ ของจีนลงเหว ถนนหนทางที่สร้างไว้ก็พังในระยะเวลาสั้นกว่าที่ควรจะเป็น

จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจไม่ทราบ แต่เบอร์ 1 ของเวียดนามขยันเดินทาง ไปทุกภูมิภาคของโลก และได้รับการต้อนรับอย่างดีแทบทุกแห่ง แม้แต่บริษัทโทรคมนาคมของเวียดนามที่ชื่อ Viettel ก็เริ่มจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทขนาดใหญ่ของประเทศต่างๆ และเริ่มทยอยเปิดตัว

น่าเสียดายโอกาสของประเทศไทยครับ อย่างกับโมซัมบิกนี่ พวกเราไปกันตั้งแต่ พ.ศ.2543 ตอนนั้นน้ำท่วมใหญ่โมซัมบิกในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพริทอเรียและพ่อผมยังนำเงินของกระทรวงการต่างประเทศไปช่วยรัฐบาลโมซัมบิก

พ.ศ.2543 จีนกับเวียดนามยังไม่รู้จักโมซัมบิก แต่มีคนไทย 97 คนไปทำงานสร้างเบ้าหลอมผลิตแร่อะลูมิเนียมในป่าของโมซัมบิกแล้ว

อีก 9 ปีต่อมา พ.ศ.2552 คนไทย 240 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากจังหวัดจันทบุรี เข้าไปลงหลักปักฐานธุรกิจซื้ออัญมณีในอำเภอกลางป่าลึกของโมซัมบิกได้อย่างค่อนข้างมั่นคงแล้ว

พ.ศ.2554 พวกเรายังได้เชิญนางเอสเปอร์รันซา บีแอส รมว.ทรัพยากรธรณีของโมซัมบิก มาบรรยายเรื่องนโยบายการค้าการลงทุน ที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ซึ่งในครั้งนั้น พ่อของผมยังได้ร่วมขึ้นบรรยายด้วย

5 ปีที่แล้ว เวียดนามยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจโมซัมบิกมากมายขนาดนี้ ตอนนั้น ใครๆก็คิดว่าไทยน่าจะเป็น 1 ในประเทศที่ประสบความสำเร็จที่สุดในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาใต้ ร่วมกับสิงคโปร์และมาเลเซีย

เพราะความไม่ต่อเนื่องของผู้คนทางซีกรัฐบาล ทำให้คนไทยเริ่มเสียโอกาส แต่ละเวลานาที คนไทยเริ่มเห็นอนาคตของคนเวียดนามว่ามีแนวโน้มที่จะได้ขึ้นแท่นเป็นเบอร์ใหญ่ของการค้าการลงทุนในทวีปแอฟริกา

ไม่น่าเชื่อครับ ว่าเวลาผ่านไปไม่ถึง 5 ปี

ประเทศของเราจะหงอยมากอย่างนี้.
คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

Leave a comment