ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/208480
นายทองเปลว กองจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยากรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้ลงนามความร่วมมือกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำแบบครบวัฏจักรน้ำ เพื่อให้ทราบปริมาณน้ำที่มีอยู่ทั้งหมด ทั้งในชั้นบรรยากาศและผิวดินสำหรับวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงให้สอดคล้องกับการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน สนับสนุนการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในฤดูแล้ง ตลอดจนการเพิ่มความชุ่มชื้นในดิน โดยเริ่มดำเนินการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา และจะทำต่อเนื่องไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2559
สำหรับพื้นที่นำร่องในการดำเนินโครงการ คือ บริเวณลุ่มน้ำป่าสักเพื่อที่จะเติมน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และพื้นที่รอบๆ ลุ่มน้ำ ซึ่งอยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร รวมทั้งพื้นที่อื่นๆ อีก 10 แห่ง ได้แก่ เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนห้วยหลวง เขื่อนคลองสียัด เขื่อนบางพระ เขื่อนกระเสียว เขื่อนลำปาว เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา และเขื่อนลำพระเพลิง
นอกจากนี้ ยังได้ลงนามความร่วมมือกับกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อใช้ข้อมูลการตรวจวัดปริมาณฝนทั่วประเทศแบบอัตโนมัติ โดยข้อมูลปริมาณฝนทั้งหมดที่ได้จะเข้าสู่ฐานข้อมูลของศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำของกรมชลประทาน เพื่อนำมาใช้ประกอบการบริหารจัดการน้ำทุกวันตลอดทั้งปี
“การลงนามความร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงานดังกล่าว เป็นการบูรณาการการทำงานที่เข้มข้นตามนโยบายของรัฐบาล กล่าวคือ กรมอุตุฯ มีข้อมูลปริมาณน้ำฝน การคาดหมายลักษณะฝน การคาดการณ์สภาพอากาศ หลังจากนั้นกรมชลประทานก็นำข้อมูลดังกล่าวมาแปลงเป็นปริมาณน้ำท่า ว่าจะไหลเข้าเขื่อนและแม่น้ำสายสำคัญเท่าไร มีผลต่อปริมาณน้ำท่าอย่างไร เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะกักเก็บหรือระบาย ตลอดจนการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อที่จะได้ฝนและน้ำท่าในจำนวนที่คาดหมายไว้ นอกจากนี้ยังมีแบบจำลองคาดการณ์ปริมาณฝน เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างการปฏิบัติการฝนหลวงกับกรณีที่ไม่ได้ดำเนินการ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรอีกด้วย” นายทองเปลว กล่าว