ปัญหาเกษตร ที่นี่มีคำตอบ : ลดต้นทุนการผลิตด้วยพืชปุ๋ยสด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/208020

วันอังคาร ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
คำถาม ผมจะสามารถลดต้นทุนการผลิตพืชนาพืชไร่ตามที่รัฐบาลส่งเสริม ขอให้ช่วยแนะนำวิธีการและขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจนด้วยครับ

สุรชัย ทองเจริญ
อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี

คำตอบ ทางเลือกการลดต้นทุนการผลิตที่สำคัญ ตามนโยบายของรัฐบาลอย่างหนึ่งนั้นคือ การลดต้นทุนจากการใช้ปุ๋ย โดยให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้มากขึ้น และให้ลดการใช้ปุ๋ยเคมีลง

ปุ๋ยพืชสด เป็นปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่ง ที่ได้จากการตัดสับหรือไถกลบพืชตระกูลถั่วขณะออกดอกลงไปในดิน โดยมีจุดประสงค์ เพื่อปรับปรุงดินบำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ หลังจากนั้น ต้องปล่อยให้เกิดการย่อยสลาย ประมาณ 2 สัปดาห์ จะให้ธาตุอาหารพืช และเพิ่มอินทรียวัตถุแก่ดิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับพืชที่จะปลูก และเป็นการลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ปุ๋ยเคมี

 

การใช้ปุ๋ยพืชสดในนาข้าวนักวิชาการเกษตร ได้แนะนำไว้ 3 วิธี คือ

วิธีที่ 1 ปลูกพืชปุ๋ยสดพร้อมกับข้าว โดยปลูกพืชตระกูลถั่ว ได้แก่ ถั่วพุ่ม หรือ ถั่วพร้า อัตราเมล็ด 8 และ 10 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ ให้เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง พร้อมกับหว่านข้าวในนา หว่านข้าวแห้ง เพื่อให้ถั่วเจริญเติบโตพร้อมกับต้นข้าว ในช่วงที่น้ำยังไม่ขังในนา ถ้าน้ำไม่ขังหรือดินไม่ชื้นเกินไป ถั่วจะเจริญเติบโตได้ ประมาณ 45-50 วัน ให้ไขน้ำเข้าที่นาถั่วจะตายเน่าสลายให้ธาตุอาหารพืชอินทรียวัตถุแก่ดินและต้นข้าว

วิธีที่ 2 ปลูกพืชปุ๋ยสดก่อนการทำนา ได้แก่ โสนอัฟริกัน ปอเทือง ถั่วพุ่ม หรือ ถั่วพร้าให้เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง ใช้อัตราเมล็ด
5 5 8 และ 10 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับควรเริ่มปลูกในระยะ

ฝนแรก ระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม โดยไถพรวนดินอย่างดี แล้วหว่านเมล็ดพืชปุ๋ยสด เมื่อต้นพืชโตถึงระยะออกดอก หรือประมาณ 45-50 วัน ให้ไถกลบ แล้วปล่อยให้ย่อยสลาย ประมาณ 2 สัปดาห์จึงปลูกข้าวตาม ในกรณีใช้เมล็ดโสนอัฟริกัน ก่อนปลูกเมล็ดควรแช่น้ำนาน 12 ชั่วโมง เพื่อทำให้เมล็ดงอกดีขึ้น เนื่องจากเปลือกหุ้มเมล็ดมีความหนา

วิธีที่ 3 ปลูกพืชปุ๋ยสดหลังทำนา ได้แก่ โสนอัฟริกัน ปอเทือง ถั่วพุ่ม หรือ ถั่วพร้า ให้เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง ใช้อัตราเมล็ด 5 5 8 และ 10 กิโลกรัมต่อไร่ ตามลำดับ ควรปลูกโดยไม่ไถพรวน ไม่ต้องเกี่ยวตอซังข้าวออก ใช้เมล็ดถั่วหยอดลงไปในนาโดยตรง และปลูกทันทีที่เกี่ยวข้าวเสร็จ ในขณะที่ดินยังมีความชื้นอยู่ หรือจะปลูกโดยการไถพรวนดินอย่างดีก็ได้ และไถกลบ ระยะออกดอก ประมาณ 45-50 วัน ปล่อยให้ย่อยสลายประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วจึงปลูกข้าว

การใช้พืชปุ๋ยสดในการปลูกพืชไร่

1. ใช้พืชปุ๋ยสดในการปลูกพืชหมุนเวียน เช่น

-การปลูกพืชปุ๋ยสดในต้นฤดูฝน แล้วไถกลบเป็นพืชปุ๋ยสด หลังจากนั้น จึงปลูกพืชหลักตามพืชปุ๋ยสด ได้แก่ ปอเทือง โสนต่างๆ ถั่วเขียว และพืชหลัก ได้แก่ ข้าวโพด ข้าวไร่ และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ที่มีอายุสั้น

-การปลูกพืชปุ๋ยสด เพื่อเป็นพืชคลุมดิน ซึ่งมีอายุยาวในหนึ่งปี แล้วจึงปลูกพืชหลักในปีที่สอง หมุนเวียนกันไป ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กับพื้นที่ความลาดเท เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลาย หรือพื้นที่เกษตรที่สูงที่มีการทำไร่เลื่อนลอย เช่น การปลูกถั่วแปบ เป็นปุ๋ยพืชสดสลับกับถั่วแดงหลวง เป็นต้น

2.ปลูกพืชปุ๋ยสดในระบบปลูกพืชแซม คือการปลูกพืชปุ๋ยสดบางชนิดที่เหมาะสมแซมในแถวพืชหลัก ซึ่งอาจเป็นการปลูกพืชหลักแล้ว ก็ปลูกพืชปุ๋ยสดแซมในแถวไปพร้อมๆ กันในเวลาเดียวกัน หรือปลูกพืชหลักแล้วระยะเวลาหนึ่ง จึงปลูกพืชปุ๋ยสดแซมเป็นการเหลื่อมเวลากันในหนึ่งปี

3.ปลูกพืชปุ๋ยสดในระบบปลูกพืชแบบแถบพืช เป็นวิธีการปลูกพืชปุ๋ยสดเป็นแนวแถบคล้ายๆ เป็นกำแพง เพื่อป้องกันและลดการสูญเสียหน้าดิน จากการชะล้างพังทลายของดิน โดยแนวแถบของพืชปุ๋ยสด จะทำหน้าที่เป็นแนวดักตะกอน อันเกิดจากการชะล้างพังทลายจากน้ำฝน และลดความรุนแรง จากการไหลบ่าของน้ำฝนได้ โดยแถบพืชปุ๋ยสด อาจจะกว้างประมาณ 2 เมตร ยาวตามแนวระดับต่อจากแถบพืชปุ๋ยสด จึงเป็นแปลงปลูกพืชเศรษฐกิจ อาจกว้างประมาณ 3 เมตร ขึ้นอยู่กับความลาดเท ต่อจากนั้นก็เป็นแถบพืชปุ๋ยสดอีก ทำเช่นนี้สลับกันไปจนเต็มพื้นที่ พืชที่นิยมใช้ปลูกเป็นแนวแถบพืชปุ๋ยสด ได้แก่ กระถิน ถั่วมะแฮะ เป็นต้น

4.ปลูกพืชปุ๋ยสดในระบบพืชคลุมดิน การปลูกพืชในระบบนี้ มักเป็นการปลูกพืชปุ๋ยสดตระกูลถั่วชนิดที่มีลำต้นเป็นเถาเลื้อย เพื่อให้เจริญเติบโตปกคลุมผิวดิน ได้แก่ ถั่วคาโลโปโกเนียมไมยราบไร้หนาม ถั่วคุดซู ถั่วแปบ เป็นต้น

การใช้พืชปุ๋ยสดบำรุงดิน จะเป็นการเพิ่มขึ้นของอินทรียวัตถุในดิน หลังจากพืชปุ๋ยสดนั้นสลายตัวสมบูรณ์แล้ว และยังเป็นการชดเชยปริมาณอินทรียวัตถุในดินที่สูญเสียไป เนื่องจากการเพาะปลูกหรืออื่นๆ หากทําการไถกลบพืชปุ๋ยสดอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทําให้ดินมีปริมาณอินทรียวัตถุเพิ่มขึ้น จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมของจุลินทรีย์ในดิน อีกทั้งอินทรียวัตถุยังช่วยในการรักษาและปรับปรุงโครงสร้างของดินให้มีสภาพเหมาะสมต่อการเจริญเติบโต ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนการผลิตตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย

นาย รัตวิ

Leave a comment