นายวิสุทธิ์ นิติยารมย์ อดีต ผอ.ศูนย์ประสานงานเกษตรกรภาคใต้ เปิดเผยว่า ได้มีการหารือร่วมกับตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางในหลายจังหวัด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกคนต่างมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ ยางพารา โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลปิดกรีด ที่กำลังมาถึงในขณะนี้

ทั้งนี้แม้ราคายางพาราปัจจุบัน จะขยับตัวขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ก็เป็นเพราะไม่มียางจากเกษตรกรออกสู่ตลาดเนื่องจากเข้าภาวะภัยแล้งแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ราคายางพาราก็ตกต่ำอย่างหนัก เกษตรกรชาวสวนยาง จึงไม่มีเงินเก็บไว้ใช้ดำรงชีพในช่วงฤดูการปิดกรีดประมาณ 3เดือนที่จะถึงนี้ได้เหมือนปีก่อนๆได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับจ้างกรีดยาง

“เป็นปัญหาของชาวสวนยาง แต่กระทบต่อส่วนรวม โดยเฉพาะผู้รับจ้างกรีดยาง ที่รัฐบาลคาดไม่ถึง คนเหล่านี้ไม่มีประกันสังคม ไม่มีเงินรายได้อื่นชดเชย จึงเห็นว่ารัฐบาลควรหาทางช่วยเหลือเป็นการด่วนในช่วงฤดูปิดกรีดนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้รับจ้างกรีดยางได้ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) สาขาจังหวัดต่างๆหมดแล้ว “นายวิสุทธิ์ ระบุ

และว่าจากนี้ไป ผู้รับจ้างกรีดยางทั่วประเทศมีประมาณ 1.5 ล้านคนไม่มีรายได้ ทั้ง ๆ ที่ตลาดระยะเวลา 30ปีที่ผ่านมา ทั้งเจ้าของสวนยางและผู้รับจ้างกรีดยาง คนเหล่านี้ได้ช่วยกันนำเงินเข้าประเทศกว่า 3 ล้านล้านบาท จึงเห็นว่ารัฐบาลควรนำเงิน ที่เรียกเก็บจากผู้ส่งยางออกนอกราชอาณาจักร(CESS) มาช่วยกลุ่มผู้รับจ้างกรีดยางในขณะนี้ อีกทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ ช่วยพยุงเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้อยู่ได้

อดีต ผอ.ศูนย์ประสานงานเกษตรกรภาคใต้ ยังกล่าวต่อว่า เมื่อเกษตรกรขาดกำลังซื้อ ธุรกิจซื้อขายอย่างอื่นก็ชะงัก รัฐบาลก็เก็บภาษีได้น้อย ซึ่งตนเห็นว่า เรื่องนี้รัฐบาลควรพิจารณาอย่างมีเมตตาธรรม เพราะขณะนี้เกษตรกรชาวสวนยาง โดยเฉพาะผู้รับจ้างกรีดยาง ต้องกู้หนี้ยืมสิ้นใช้จ่ายในครอบครัว อีกทั้งต้องเตรียมการเรื่องเปิดเทอมใหม่ น่าห่วงใยยิ่งนัก หลายพื้นที่เคยมีแนวความคิดจะจัดเทศกาลปิดกรีดแต่ ตอนนี้ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะจิตใจของเกษตรกรห่อเหี่ยวเกินกว่าที่จะมาร่าเริงเหมือนในอดีต