ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/205759
7 มี.ค. 59 นายณรงค์ ลีนานนท์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ฝ่ายบริหาร เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคาระห์สถานการณ์น้ำ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการบริหารจัดการน้ำของประเทศ ว่าตามแผนจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมามีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ เป็นน้ำที่ใช้การอยู่1.4 หมื่นล้านลบ.ม. คิดเป็น28% ล่าสุดได้จัดสรรน้ำตามแผนการระบายน้ำในฤดูแล้ 1.1 หมื่นล้านลบ.ม. ได้จัดสรรไปแล้ว 6.6 พันล้านลบ.ม. ถึงปัจจุบันคิดเป็นร้อยละ58% คงเหลือปริมาณน้ำ 4.4 พันล้านลบ.ม. ใช้จนถึงเดือน ก.ค.
นายณรงค์ กล่าวว่า หากมาดูเฉพาะในส่วนของลุ่มน้ำเจ้าพระ มีปริมาณใช้การได้จาก 4 เขื่อนหลัก ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ ล่าสุดเหลืออยู่ 2.8 พันล้านลบ.ม. คิดเป็น%16 ของแผนการจัดสรรน้ำของฤดูแล้งนี้ ที่มีปริมาณ 3.2 พันล้านลบ.ม. และได้ระบายไปแล้วตั้งแต่วันที่1 พ.ย.58ถึงปัจจุบัน ระบายไป 2 พันล้านลบ.ม. คิดเป็น 65% โดยคงการระบายวันละ17.8ล้านลบ.ม.สำหรับอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ ผลักดันน้ำเค็ม ซึ่งจะมีการระบายน้ำตามแผนจนสิ้นสุดฤดูแล้งเดือนเม.ย. นี้ยังมีน้ำเหลือสำรองใน4 เขื่อนหลัก ไว้อีก3 เดือนในปริมาณ 1.6 พันล้านลบ.ม.เผื่อสำรองไว้ใช้กรณีฝนมาช้า หรือเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง
รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรณีน้ำเค็มดันเข้าลำน้ำ กรมชลฯเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นมาตลอด เพราะน้ำเค็มดันสองครั้งต่อเดือนซึ่งยอมรับว่าน่าห่วงทุกเดือน ได้เตรียมน้ำมารอหน้าเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงซี่งจะหนุนสูงสุดมาตั้งแต่วันที่ 7-9 มี.ค.และปลายเดือนนี้ โดยระบายน้ำผลักดันน้ำเค็มเพิ่มในอัตรา 80-100 ลบ.ม.ต่อวินาที และระบายน้ำที่เขื่อนป่าสักฯ มาผ่านเขื่อนพระราม6 เติมอีก 20 ลบ.ม.ต่อวินาที มีโดยไม่ต้องผันน้ำจากที่อื่นมาช่วย ยืนยันว่าไม่เกิดกรณีฉุกละหุก ได้เตรียมรับมือล่วงหน้าอย่างดี รวมทั้งผู้ว่าฯทุกจังหวัดก็มีศูนย์เฝ้าระวังแก้ไขวิฤกติภัยแล้งครั้งนี้ด้วย
“การผลักดันน้ำเค็มมีน้ำจืดมาไล่เพียงพอ วัดที่สถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานีของการประปานครหลวง ค่าความเค็มอยู่ที่ 0.18 กรัมต่อลิตร ยังไม่เกินค่ามาตรฐานที่0.25 กรัมต่อลิตร แต่บางช่วงในแม่น้ำเจ้าพระยา อาจมีค่าความเค็มเกินบางจุด ที่ 1.5 กรัมต่อลิตรในระดับที่ไม้ผลและการเกษตรยังรับได้ ยังไม่เกินค่าความเค็มทั่วไป หากเกิน 2 กรัมต่อลิตร จะส่งผลกระทบต่อพืชทั้งหมด”นายณรงค์ กล่าว
สำหรับปัญหาค่าความเค็มเกินมาตรฐานสำหรับผลิตประปา 0.25 กรัมต่อลิตรที่แม่น้ำบางประกง- แม่น้ำปราจีน ทำให้การประปาภูมิภาค มี3 สาขา คือบางพลี บางคล้า บางน้ำเปรี้ยว มีปัญหาค่าความเค็มเกิน ตอนนี้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว โดยใช้วิธีส่งน้ำมาจากอีสเวอร์เตอร์ เอาน้ำจืดมาเจือจาง ช่วงน้ำทะเลหนุนสูง วันละสองเวลาสามารถนำน้ำ มาผลิตประปาได้แล้ว ในส่วนปากคลองจินดา ค่าความเค็มยังไม่เกิน 2 กรัมต่อลิตร ไม่กระทบสวนกล้วยไม้ ได้คุมค่าความเค็มแม่น้ำท่าจีน นำน้ำจากฝั่งแม่กลองมาช่วยเจือจาง ตอนนี้ที่แม่น้ำท่าจีนค่าความเค็ม 1.5 กรัมต่อลิตร
นายณรงค์ กล่าวว่าปัญหาน้ำประปาขาดแคลนใน จ.ข่อนแก่น โดยเขื่อนอุบลรัตน์ เหลือน้ำใช้การได้เพียง 50 ล้านลบ.ม. ซึ่ง ผู้ว่าฯได้ ประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการบริหารเขื่อนอุบลรัตน์ มีมติใช้นำน้ำก้นอ่าง เป็นน้ำคงสภาพรักษาตัวอ่างหรือน้ำตาย มีประมาณ550 ล้าน ได้อนุมัติให้นำน้ำตาย180 ล้านลบ.ม.มาใช้ผลิตประปา ซี่งการอนุมัติรอบนี้ระบายลงมาวันละ5 แสนลบ.ม. หลังจากที่คณะอนุกรรมการฯให้ใช้ 180 ล้านลบ.ม. สามารถมีน้ำอยู่ไปได้ถึงเดือนก.ค.
ทั้งนี้เขื่อนอื่น ยังไม่มีแผนดึงน้ำก้นเขื่อนหรือน้ำตายมาใช้ ซึ่งเขื่อนทั่วประเทศที่ต้องเฝ้าระวังที่มีน้ำน้อยกว่า 30 % มี14 อ่าง เขื่อนแม่งัด แม่กวง กิ่วลม กิ่วคอหมา ห้วยหลวง อุลบรัตน์ ลำปาว มูลบน ลำแซะ ทับเสลส กระเสียว คลองสียัด บางพระ ปราบุรี และเขื่อนที่มีน้ำมากกว่า 30% มี19 เขื่อน เช่น ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อย ป่าสัก ซึ่งยืนยันว่าพอใช้ตลอดฤดูแล้ง โดยไม่สนับสนุนการเพาะปลูก
รองอธิบดีกรมชลฯ กล่าวว่า สำหรับน้ำประปาหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ที่มีปัญหา ขณะนี้มีศูนย์ป้องกันบรรเทาสารธารณภัยระดับชาติ ที่มีทุกหน่วยงานเป็นกรรมการ เช่น กรมทรัยพายากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมชลฯ อปท. โดยผู้ว่าฯทุกจังหวัดใน42 จ.เฝ้าระวังขาดแคลนน้ำ ได้เรียกประชุมล่วงหน้าและมีการประเมินตลอดเวลาว่าน้ำประปามีปัญหาจุดใด ที่ขาดแคลนแหล่งน้ำดิบ ให้กรมชลฯหาแหล่งน้ำอื่นดึงมาช่วย หรือถ้าไม่มีก็เร่งขุดเจาะบ่อบาดาล เป็นการทำงานเชิงรุก หากไม่มีแหล่งน้ำดิบต้องใช้รถส่งน้ำ ซึ่งกรมชลฯเตรียมไว้ 300 คันทั่วประเทศ