ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/208473
ในปี 2559 เป็นอีกปีหนึ่งที่ประเทศไทยต้องประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำ และภัยแล้งซึ่งมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2559 สถานการณ์น้ำมีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร และไม่สามารถเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ ได้ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันในการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาภัยแล้งจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง ในส่วนของกรมพัฒนาที่ดินก็เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่รับนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ในโครงการปรับปรุงและพัฒนาเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยจะดำเนินการส่งเสริมการทำ การใช้ปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ใช้เอง นอกจากนี้กรมพัฒนาที่ดินได้ส่งเสริมการปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยพืชสด (ปอเทือง) เพื่อช่วยเหลือให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และมีรายได้จากกิจกรรมอื่นทดแทน
ปัจจุบัน กรมพัฒนาที่ดินดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรในภาวะวิกฤติภัยแล้งโครงการการปรับปรุงและพัฒนาเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของดิน ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ดังนี้ การดำเนินการกิจกรรมส่งเสริมการทำ/การใช้ปุ๋ยหมักเป้าหมาย 763 ตัน เกษตรกรที่ได้รับการส่งเสริม 1,180 ราย กิจกรรมส่งเสริมการทำน้ำหมักชีวภาพ เป้าหมาย 503,232 ลิตร เกษตรกรที่ได้รับการส่งเสริม 2,975 ราย กิจกรรมสนับสนุนการปรับปรุงบำรุงดินด้วยพืชปุ๋ยสด (ปอเทือง) ดำเนินการในพื้นที่เป้าหมาย 7,827 ไร่ เกษตรกรได้รับประโยชน์ 862 ราย
นอกจากนี้กรมพัฒนาที่ดิน โดยสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตและสถานีพัฒนาที่ดินให้เจ้าหน้าที่ออกพื้นที่ต่างๆ เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้เกษตรกร โครงการอบรมเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/2559 เพื่อให้เกษตรกรได้ฝึกอบรมเรียนรู้ ฝึกวิธีคิดการพัฒนาตนเองและสามารถปรับตัวอยู่ได้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้งให้แก่เกษตรกรให้สามารถดำรงชีพได้ในช่วงวิกฤติภัยแล้ง และสร้างโอกาสการปรับโครงสร้างการผลิตให้เหมาะสมกับภูมิสังคมและตลาดสินค้าเกษตรในปัจจุบัน
เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาด้านภัยแล้งเป็นไปอย่างต่อเนื่อง กรมพัฒนาที่ดินได้วางแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรในภาวะวิกฤติภัยแล้งในอนาคตไว้ 2 ระยะ ด้วยกัน คือ ระยะสั้น จะดำเนินการเฝ้าระวังติดตาม และเตือนภัยล่วงหน้าบริเวณพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง และพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบภัยแล้ง เพื่อประเมินความเสียหายและให้การช่วยเหลือเบื้องต้น ในส่วนระยะยาว จะเสนอแนวทางการป้องกันและการจัดการฟื้นฟูพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งให้สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ ได้แก่ การฟื้นฟูพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง โดยการส่งเสริมการอนุรักษ์ดินและน้ำ เพิ่มการปกคลุมดินด้วยการปลูกพืชคลุมดินและการใช้ปุ๋ยพืชสด และการปลูกหญ้าแฝกป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน พัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กในไร่นาในพื้นที่นอกเขตชลประทาน และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยใช้สารเร่ง พด. ต่างๆ เป็นต้น
