ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/205820
ดร.ภูมิศักดิ์ ราศรี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร (KU- OAE Foresight Center : KOFC) ได้ทำการวิเคราะห์สถานการณ์ภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของชุมชนและเกษตรกร พบว่า สถานการณ์ภัยแล้งทำให้เกษตรกรไม่สามารถปลูกพืช และทำนาได้ตามฤดูกาล ส่งผลให้เกษตรกรขาดรายได้ นำไปสู่ปัญหาหนี้สินที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย อีกทั้งส่งผลกระทบโดยตรงต่อแรงงานภาคเกษตร เนื่องจากเกษตรกรเกิดภาวะการว่างงานและขาดรายได้ในช่วงที่ประสบภัยแล้ง ซึ่งสัดส่วนแรงงานในภาคการเกษตรมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2555 แรงงานในภาคการเกษตรมีสัดส่วนร้อยละ 39.63 ของผู้มีงานทำรวมทั้งประเทศ แต่ในปี 2558 สัดส่วนกลับลดลงเหลือเพียงร้อยละ 32.28 ทั้งนี้ยังพบว่า กลุ่มแรงงานภาคการเกษตรอายุ 60 ปีขึ้นไปมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่กลุ่มแรงงานภาคการเกษตรที่มีอายุ 15-39 ปี กลับมีแนวโน้มลดลง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีนโยบายให้ความช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถประกอบอาชีพและสร้างรายได้ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตผ่านวิกฤติภัยแล้งไปได้ ผ่านโครงการบูรณการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบภัยแล้งปี 2558/59 จำนวน 8 มาตรการ 45 โครงการ ซึ่งขณะนี้มีงบประมาณที่เบิกจ่ายแล้ว 15,458.31 ล้านบาท โดยมาตรการที่ 2 การชะลอ/ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้เกษตรกร มีการเบิกจ่ายงบประมาณมากที่สุด ส่วนมาตรการที่ 3 การจ้างงานสร้างรายได้แก่เกษตรกร มีการเบิกจ่ายช่วยเหลือเกษตรกรแล้ว 2,165.84 ล้านบาท คิดเป็น 97% ของวงเงินช่วยเหลือ (2,241.94 ล้านบาท) ทั้งนี้ แม้ว่ารัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือ แต่เกษตรกรและผู้ใช้น้ำทุกคนต้องปรับตัวเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง เช่น เกษตรกรต้องคำนึงถึงสภาพพื้นที่และปริมาณน้ำที่ใช้ในการผลิตว่ามีเพียงพอหรือไม่ หรือควรพิจารณาปลูกพืชอื่นที่ใช้น้ำน้อยแทน การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต ที่สำคัญคือการเข้าสู่ระบบประกันภัยพืชผลทางการเกษตร เพื่อลดความเสี่ยง
ด้าน ดร.วิษณุ อรรถวานิช รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ ม.เกษตรศาสตร์ กล่าวว่า
จากดัชนีชี้วัดปรากฏการณ์เอลนีโญ่ ที่มีการคาดการณ์ว่าภัยแล้งจะยาวไปถึงเดือนมิ.ย. นั้น น่าจะส่งผลกระทบ
ค่อนข้างรุนแรง โดยมีการประมาณการผลกระทบต่อภาคเกษตรในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6.2 หมื่นล้านบาท เกษตรกรได้รับผลกระทบจำนวน 290,000 ครัวเรือน หรือ 1 ล้านราย ฉะนั้นจากมาตรการที่ภาครัฐได้ให้การช่วยเหลือ
อยู่ในขณะนี้ น่าจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ จำเป็นต้องมีมาตรการรองรับเพิ่มขึ้นจากนี้