ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/209480
Sophie Seite
ลา โรช-โพเซย์ เวชสำอางแบรนด์ดังจากประเทศฝรั่งเศส ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการดูแลผิวพรรณชั้นนำที่แพทย์ผิวหนังทั่วโลกแนะนำ ได้รับเกียรติจาก Sophie SEITE, PhD, International Scientific Directorof La Roche-Posay, France มาร่วมบรรยายความรู้หัวข้อ “MICROBIOMEAND ACNE” หรือความสัมพันธ์ของไมโครไบโอมกับการเกิดสิว ร่วมด้วย เภสัชกร นิวัตร ธีรวิวัฒน์วงศ์ ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ ลา โรช-โพเซย์ และการดูแลผิวพรรณ ในงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2559 จัดโดยสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ที่ โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์
Sophie SEITE เภสัชกรนิวัตร ธีรวิวัฒน์วงศ์ ร่วมกันให้ข้อมูลในส่วนของ ไมโครไบโอม หรือไมโครไบโอต้า ว่าเป็นจุลชีพที่อยู่ตามร่างกายของเรา ไม่ใช่มีเฉพาะแค่ตามบริเวณผิวหนัง ซึ่งไมโครไบโอมในผิวหนังแต่ละบริเวณของร่างกายมนุษย์จะมีลักษณะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความเป็นกรดเป็นด่าง ความชื้น ปริมาณเกลือ สภาพอากาศ อีกทั้ง ในบุคคลแต่ละคนก็ยังมีชนิดและสัดส่วนของไมโครไบโอมที่แตกต่างกันอีกด้วย แต่จากการศึกษาความสัมพันธ์ของไมโครไบโอมกับผิวของเรา พบว่า ไมโครไบโอมบนผิวเป็นตัวช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ และมีส่วนช่วยในการควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดโรค นอกจากนี้ ยังพบว่าความหลากหลาย (Diversity) ของไมโครไบโอมบนผิว รวมทั้งสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันกับไมโครไมโอมบนผิว ถือเป็นคุณสมบัติของผิวที่มีสุขภาพดีหากไมโครไบโอมบนผิวสูญเสียความสมดุล (Balanced) และความหลากหลาย(Diversity) ก็จะมีผลทำให้เกิดปัญหาผิวต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคผื่นภูมิแพ้ สะเก็ดเงินรวมไปถึงปัญหาสิว

เภสัชกรนิวัตร ธีรวิวัฒน์วงศ์
คนเราจะมีเชื้อจุลชีพอยู่ที่ผิวตั้งแต่แรกเกิด และมักจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนังเรื้อรัง จึงทำการทดสอบ เช่น ในกรณีที่เกิดสิวขึ้น จะมีเชื้อแบคทีเรียชนิดใดบ้างที่ก่อให้เกิดปัญหาดังกล่าว จากการทดสอบจากผิวส่วนบนของคนที่เป็นสิวพบว่า มีเชื้อแบคทีเรียตระกูล P.acnes และเชื้อ Staphylococcus สำหรับคนที่เป็นสิวจะพบปริมาณเชื้อ P.acnes ที่รูขุมขนค่อนข้างเยอะกว่า Staphylococcus จึงเกิดการอักเสบ แต่สำหรับคนที่ไม่เป็นสิวก็ยังคงมีเชื้อ P.acnes และ Staphylococcus อยู่ แต่จะมีอยู่ในปริมาณและความหลากหลายของเชื้ออยู่ในปริมาณที่สมดุลกันก็จะลดอาการอักเสบและแพ้ต่างๆ ได้น้อยลง
ทั้งนี้ จากการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาสิวโดยการใช้ยาทาเฉพาะที่และการทานยาปฏิชีวนะ (Anti-Biotics) พบว่าการใช้ยาปฏิชีวนะนั้น จะไม่ได้ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับเชื้อ P.acnes แต่จะออกฤทธิ์ครอบคลุมไปถึงเชื้ออื่นๆ ที่อยู่บนผิวของเราด้วย ซึ่งนั้นเป็นการทำลายสมดุลและความหลากหลายของไมโครไบโอมบนผิวและก่อให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะได้ ซึ่งแพทย์ไม่แนะนำให้ใช้ยาปฏิชีวนะ (Anti-Biotics)เดี่ยวๆ ควรใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทางLa Roche-Posay จึงทำการศึกษาประสิทธิภาพของ Effaclar Duo+ ซึ่งเราพบว่า Effaclar Duo+นอกจากจะมีประสิทธิภาพในการลดปัญหาผิวเป็นสิวได้ดีโดยไม่ทำลายสมดุลและความหลากหลายของไมโครไบโอมบนผิวแล้วยังสามารถใช้ร่วมกับยารักษาสิวอื่นๆ ได้ดีอีกด้วย

พนิดา ไพโรจน์กิจจา ผจก.ฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ ลา โรช-โพเซย์ และสองวิทยากร

ผลิตภัณฑ์Effaclar DUO+ From LA ROCHE-POSAY EXPERT