ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/602299
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 7 เม.ย. 2559 07:30

(ภาพ : AFP)
อึ้ง‘นายกฯ’ ไอซ์แลนด์ โดนกดดัน จนลาออก
นายกฯไอซ์แลนด์ ลาออกหลังเจอพิษ “ปานามา เปเปอร์ส” แฉจนกระเด็นตกเก้าอี้ ด้านหนึ่งในผู้ก่อตั้งสำนักงานกฎหมายมอสแซค ฟอนเซกา โอดครวญถูกคนลอบเจาะข้อมูลจนนำไปสู่การเปิดโปง ขณะที่ทางการปานามาประกาศจะสอบสวนเรื่องเอกสารลับรั่วไหล เลขาฯ ปปง.สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง “ปานามา เปเปอร์ส”
กรณีข้อมูลลับของสำนักงานกฎหมายมอสแซค ฟอนเซกาในประเทศปานามา ทวีปอเมริกากลาง หลุดรั่วไหลสู่สาธารณะนับ 11.5 ล้านชุด หรือที่เรียกว่า “ปานามา เปเปอร์ส” เมื่อวันที่ 3 เม.ย. เปิดเผยการปกปิดซ่อนเร้นการทำธุรกรรมการเงินนอกอาณาเขต ซึ่งสำนักงานกฎหมายมอสแซค ฟอนเซกา เก็บไว้นานกว่า 40 ปี และไม่เคยถูกฟ้องร้องดำเนินคดี โดยหนังสือพิมพ์ชื่อดังในเยอรมนี ได้รับมาจากแหล่งข่าวนิรนามและถูกแบ่งปันในกลุ่มสื่อมากกว่า 100 แห่ง นำโดยองค์กรผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนระหว่างประเทศ (ICIJ) ซึ่งเอกสารที่รั่วออกมา มีทั้งชื่อนักการเมือง ดารานักแสดง บุคคลในวงการธุรกิจและกีฬา รวมทั้งรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งที่เป็นทายาท และคนใกล้ชิด ขณะที่ผู้ที่มีรายชื่อระบุใน “ปานามา เปเปอร์ส” รวมทั้งผู้ใกล้ชิดประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และญาติๆของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ต่างออกมาปฏิเสธพัวพันการทำธุรกรรมผิดกฎหมายทั้งฟอกเงินและหลบเลี่ยงภาษี
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้า เรื่องข้อมูลลับที่กำลังสั่นสะเทือนผู้คนทุกวงการทั่วโลกดังกล่าวเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ว่า นายกรัฐมนตรีของไอซ์แลนด์ นายซิกมุนดูร์ เดวิด กุนน์ลัคส์สัน กลายเป็นเหยื่อทางการเมืองคนแรก ของการหลุดรั่วของเอกสารปานามา เปเปอร์ส โดยได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 เม.ย. หลังปฏิเสธมาตั้งแต่ต้นและถูกชาวไอซ์แลนด์ชุมนุมประท้วง กดดันให้ลาออกกรณีปานามา เปเปอร์ส ระบุว่านายซิกมุนดูร์และภรรยา ได้ลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในบริษัทนอกอาณาเขต (offshore company) ที่ถือหุ้นในธนาคาร 3 แห่งของไอซ์แลนด์ที่ขาดทุน จนต้องปิดกิจการในปี 2551 และทำให้เศรษฐกิจประเทศถลำลึกเข้าสู่ภาวะถดถอย
แถลงการณ์การลาออกของนายซิกมุนดูร์ระบุยืนยันไม่มีการกระทำผิดกฎระเบียบของรัฐสภาในเรื่องที่ต้องเปิดเผยทรัพย์สิน หรือแม้แต่ข่าวตามสื่อหลายสำนักรวมทั้ง นสพ.เดอะ การ์เดียน ก็ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่านายซิกมุนดูร์และภรรยา เกี่ยวข้องกับการเลี่ยงภาษีหรือการได้ทรัพย์สินเงินทองใดๆมาโดยไม่ถูกต้อง
ส่วนนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ที่ก่อนหน้านี้ออกมาระบุว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหลังนายเอียน บิดาผู้ล่วงลับของนายคาเมรอน มีชื่อปรากฏในปานามา เปเปอร์สเหมือนกันและกำลังถูกสังคมอังกฤษตั้งคำถาม เพราะนายคาเมรอนตั้งตนเป็นผู้ต่อสู้การเลี่ยงภาษี โดยเฉพาะในดินแดนที่เชื่อมโยงกับอังกฤษ เช่น หมู่เกาะบริติช เวอร์จิ้น และหมู่เกาะเคย์แมน ล่าสุดโฆษกของนายคาเมรอน แถลงว่า นายคาเมรอน ภรรยาและลูกๆจะไม่รับผลประโยชน์จากกองทุนหรือทรัพย์สินอื่นใดนอกอาณาเขต อีกในอนาคตและว่า ปัจจุบันนายคาเมรอน และครอบครัวก็ไม่ได้รับผลประโยชน์จากกองทุนที่ว่านี้อยู่แล้ว รวมทั้งไม่ได้เป็นเจ้าของกองทุนหรือถือหุ้นนอกอาณาเขต
ด้านนายรามอน ฟอนเซกา หนึ่งในผู้ก่อตั้งสำนักงานกฎหมายมอสแซค ฟอนเซกา เปิดเผยว่า บริษัทมอสแซคฯ ถูกคนลอบล้วงเจาะข้อมูล (แฮก) จากต่างแดนและได้ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อสำนักอัยการของปานามาแล้วและว่า ทั้งหมดทั้งมวลที่ปรากฏเป็นข่าวไม่มีใครพูดถึงการแฮกข้อมูล ทั้งที่นั่นคืออาชญากรรมคดีเดียวที่เกิดขึ้นและไม่เข้าใจเลยที่ (เหตุใด) โลกได้ยอมรับว่าความเป็นส่วนตัวไม่ใช่เรื่องสิทธิมนุษยชนไปแล้ว
ขณะที่ทางการปานามา แถลงให้คำมั่นจะทำการสอบสวนเรื่องเอกสารลับที่รั่วไหลออกมาเช่นเดียวกับออสเตรเลีย ฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ที่ประกาศก่อนหน้านี้แล้วว่าจะเปิดสอบสวนรวมทั้งสเปนได้เปิดสอบสวนคดีฟอกเงินที่เกี่ยวข้องสำนักงานกฎหมายมอสแซคฯแล้ว
ในส่วนความเคลื่อนไหวที่ไทย ภายหลัง พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. ได้ออกแถลงการณ์ถึงสื่อมวลชนว่า ได้กล่าวในที่ประชุมหน่วยงาน ปปง.ที่กรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ถึงข่าวการเปิดเผยเอกสารจากต่างประเทศที่อ้างว่ามีข้อมูลกว่า 11 ล้านฉบับ โยงถึงนักการเมือง และผู้นำทั่วโลกกว่า 72 คน เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและเลี่ยงภาษี โดยมีลูกค้า 21 คนในประเทศไทยและเชื่อมโยงกับบริษัท 963 บริษัทที่อาจเข้าข่ายเลี่ยงภาษี วันเดียวกัน มีรายงานว่า พ.ต.อ.สีหนาท สั่งให้เจ้าหน้าที่ ปปง. ตรวจสอบข้อเท็จจริง ถึงเอกสารปานามา เปเปอร์ส รวมทั้งเตรียมประสานไปยัง ปปง.ที่มีอยู่ทั่วโลก 150 ประเทศ และเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (International Consortium of Investigative Journalists : ICIJ) ที่ร่วมกับหนังสือพิมพ์ Suddeutsche Zeitung ของประเทศเยอรมนี เปิดเผยข้อมูลบุคคลและหน่วยงานผู้มีรายชื่อเป็นเจ้าของบริษัทนอกอาณาเขตทั่วโลก เพื่อหาข้อมูลดังกล่าว ก่อนนำข้อมูลไปแจ้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้ทราบ