ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/208982
28 มี.ค. 59 เวลา 14.30 น. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย อธิบดีกรมชลประทาน นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้ว่าการการประปานครหลวง และผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์น้ำ การจัดสรรน้ำ และการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง ณ ห้องประชุม 1 อาคาร 1 กรมประชาสัมพันธ์
โดยพลเอกฉัตรชัย กล่าวว่า การแลงข่าวร่วมกันครั้งนี้ เพื่อทําความเข้าใจสถานการณ์ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงมาตรการที่รัฐบาลได้บูรณาการแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้น ยืนยันว่า ในส่วนน้ำอุปโภคบริโภคมีเพียงพอถึง กรกฎาคมอย่างแน่นอน ยืนยันว่า ไม่มีนโยบายที่จะห้ามประชาชนเล่นน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ขอความร่วมมือประชาชน เล่นน้ำกันพอประมาณ และประหยัดน้ำ อย่างน้อยร้อยละ 20 ต่อครัวเรือน
สำหรับแผนการบริจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคนั้นปัจจุบันมีประปาสาขาที่เฝ้าระวัง จํานวน 25 สาขา แบ่งเป็น จ่ายน้ำเป็นเวลา/แบ่งโซนจ่ายน้ำ จํานวน 3 แห่ง ลดแรงดัน/ลดอัตราจ่าย จํานวน 17 แห่ง และในพื้นที่ที่จะประสบปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ จํานวน 5 แห่ง มีมาตรการแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่การจุดเจาะบ่อบาดาล จำนวน 6,922 บ่อ ดําเนินการแล้ว 2,687 บ่อ คาดว่าจะสามารถขุดเจาะได้ครบทั้งหมดภายในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้มีน้ำบาดาลเพิ่มขึ้น 33 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยเหลือประชาชนได้ 11 ล้านคน
ด้านนายสุเทพ น้อยไพโรจน์ อธิบดีกรมชลประทาน ระบุว่า ปัญหาภัยแล้ง ที่จังหวัดพะเยา จะดึงน้ำจากกว้านพะเยามาใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค 16 ล้านลูกบาศก์เมตร /ส่วนสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 58 ถึงปัจจุบัน(28 มี.ค. 59) มีปริมาณน้ำใช้การได้คงเหลือเฉพาะการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศ ไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2559 อีกประมาณ 2,446 ล้านลูกบาศก์เมตร
นอกจากนี้ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้จำแนกพื้นที่ประสบภัยแล้ง 3 ประเภท คือ 1.ปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค จำนวน 6 จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 7 ของพื้นที่ภัยแล้ ได้แก่ น่าน สุรินทร์ ชัยนาท ชลบุรี ขอนแก่น และสระบุรี ง/2.ปัญหาขาดแคลน้ำเพื่อการเกษตร จำนวน 9 จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 53 ของพื้นที่ภัยแล้ง ได้แก่ เชียงใหม่ พะเยา สุโขทัย นครพนม มหาสารคาม บุรีรัมย์ กาญจนบุรี สระแก้ว จันทบุรี /3. จังหวัดที่มีปัญหาน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภคและการเกษตร 7 จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 40 ของพื้นที่ภัยแล้ง ได้แก่ นครสวรรค์ เพชรบุรี อุตรดิตถ์ สตูล และนครราชสีมา
โดยมูลค่าความเสียหายจากภัยแล้ง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 ถึงปัจจุบัน มีพื้นที่เสียหาย 1.65 ล้านไร่ คิดเป็นปริมาณผลผลิต 996,525.52 ตัน มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 7,092.17 ล้านบาท รัฐบาลได้ใช้จ่ายเงินเชิงป้องกันหรือยับยั้ง รวมกรอบวงเงินทั้งสิ้น 125.26 ล้านบาท