ลุ้นเลขาฯยูเอ็น (คนใหม่)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/605677

โดย เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์ 15 เม.ย. 2559 05:01

 

เมื่อนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จะอยู่ครบวาระ 2 ช่วงปลายปีนี้ ก็เป็นที่ลุ้นกันว่าใครจะขึ้นมาแทนจากกลุ่มคนที่ประกาศชัดเจนแล้วว่าสนใจรับเก้าอี้นี้ 9 คน มีทั้งอดีตผู้นำและอดีต รมว.ต่างประเทศ

และเมื่อดูจากรายชื่อทั้งหมดก็เริ่มเห็นเค้าแล้วว่าโลกอาจได้เลขาธิการยูเอ็นคนแรกมาจากแถบยุโรปตะวันออกและอาจได้ผู้หญิงเป็นเลขาธิการคนแรกในประวัติศาสตร์ก่อตั้งยูเอ็นมา 70 ปีก็เป็นได้

ลองหันไปดูรายชื่อชัดๆก็ดูจะมีตัวเต็งอยู่ 2-3 คนที่น่าพูดถึง เว้นแต่จะมีม้ามืดถูกส่งเข้าประกวดช่วงท้าย

คนแรกคือนาง อิรินา โบโควา อายุ 63 ปี ผู้อำนวยการองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ที่นั่งคุมมาตั้งแต่ปี 2552 ก่อนหน้านั้นเคยเป็น รมว.ต่างประเทศบัลแกเรียช่วงสั้นๆในปี 2539-2540 และเป็นอดีตทูตบัลแกเรียประจำฝรั่งเศสและโมนาโก นางโบโควาถือเป็นผู้สมัครตัวเต็งจากฝั่งยุโรปตะวันออก ที่มีโอกาสสูงที่จะได้มาแทนนายบัน

แต่โบโความีภาพติดตัวเป็นพวกนิยมรัสเซีย (โปรรัสเซีย) พ่อของเธอเคยเป็นอดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์พรรคคอมมิวนิสต์บัลแกเรียในยุคอดีตสหภาพโซเวียต และการที่ยอมรับปาเลสไตน์เข้าเป็นภาคีของยูเนสโกในปี 2554 ทำให้สหรัฐฯไม่พอใจเลยพาลตัดงบสนับสนุนยูเนสโกไปด้วย

เรื่องนี้อาจยังเป็นประเด็นทำนางโบโควาไปไม่ถึงฝั่งก็เป็นได้

ผู้สมัครตัวเต็งคนต่อมาคือนาง เฮเลน คลาร์ก วัย 66 ปี อดีตนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่ง นานที่สุดของนิวซีแลนด์ (2542-2551) ปัจจุบันเป็น ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) ตั้งแต่ปี 2552

แต่โอกาสนางคลาร์กยังไม่ชัดเจน นักการทูตบางคนมองว่าเธอเป็นผู้สนับสนุนยุโรป ขาดการสนับสนุนแบบวงกว้างในประชาคมการทูตโลกของยูเอ็น ผู้สมัครตัวเต็งอีกคนคือนาย อันโตนีโอ กูเตียร์เรซ วัย 66 ปี อดีตข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) คร่ำหวอดกับงาน ยูเอ็นเอชซีอาร์มากว่า10 ปีก่อนหมดวาระปลายปีที่แล้ว

ปีนี้ยังถือเป็นหนแรกที่เปิดให้ผู้สมัครได้ แสดงวิสัยทัศน์ต่อสาธารณะในเรื่องวิกฤติโลก ตั้งแต่ภาวะโลกร้อนไปจนถึงปัญหาตะวันออกกลาง แม้สุดท้ายผู้ตัดสินจะเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) และสมาชิกถาวรยูเอ็น 5 ประเทศ คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน รัสเซีย และ สหรัฐฯก็ตาม แต่น่าจะมีผลข้างเคียงบ้าง

ส่วนใครจะเข้าวิน! หลังช่วงเดือน ก.ย.คงรู้กัน.
เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์

Leave a comment