องค์กรอิสระสมัยราชวงศ์หมิง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/605679

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 15 เม.ย. 2559 05:01

 

รับใช้เรื่องประวัติศาสตร์จีนได้รับการตอบรับจากท่านผู้อ่านเยอะครับ หลายท่านบอกว่า การเมืองการปกครองของจีนเป็นศาสตร์ที่นำมาประยุกต์กับการเมืองการปกครองของประเทศต่างๆ ได้ทั้งโลก

อย่างช่วงราชวงศ์หมิงนี่ก็น่าสนใจ เพราะตอนต้นราชวงศ์ สมัยพระเจ้าหมิงไท่จู่ พระเจ้าหมิงเฉิงจู่ และพระเจ้าหมิงเซวียนจง จักรวรรดิมั่นคงสูงและเศรษฐกิจดีมาก

ทว่าตั้งแต่พระเจ้าหมิงอิงจงเป็นต้นมา จักรวรรดิวุ่นวาย เป็นเช่นนี้เพราะจักรพรรดิมอบให้ขันทีเป็นผู้จัดการบ้านเมือง ขันทีควบคุมกิจการในราชสำนัก รับสินบน ละเมิดกฎหมาย กุมอำนาจทหารและตุลาการเอาไว้ ทำให้ไม่มีความยุติธรรม

ไม่เหมือนตอนตั้งราชวงศ์ใหม่ๆ พระเจ้าหมิงไท่จู่ควบคุมขันทีอย่างเข้มงวดกวดขัน ห้ามขันทีก้าวก่ายกิจการบ้านเมือง ถึงขนาดไม่ให้ขันทีเรียนหนังสือ

ขันทีมีบทบาทหลังจากที่พระเจ้าหมิงเฉิงจู่ก่อการกบฏและได้รับชัยชนะ เพราะได้รับความช่วยเหลือจากขันที เมื่อขึ้นครองราชย์แล้วก็แต่งตั้งพวกขันทีเป็นทูตและตรวจตรากองทหาร แถมยังตั้งหน่วยงานตงฉั่งให้ขันทีสืบสวนความลับเรื่องส่วนตัวของเหล่าขุนนางและราษฎร ตั้งแต่นั้นมา ขันทีก็ตั้งและควบคุมองค์กรอิสระหลายแห่ง

สมัยรัชกาลพระเจ้าหมิงอิงจง บรรดาขุนนางต้องเรียกขันทีที่มีนามหวังเจิ้นแบบให้เกียรติอย่างสูงว่า เวิงฟู่ ที่มีความหมายว่า พ่อผู้เป็นใหญ่ ความวุ่นวายในราชสำนักมีสูงมาก พวกขันทีก่อกบฏและยกคนโน้นคนนี้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิ

ขันทีคนหนึ่งนามว่าวังจื๋อไปจัดตั้งองค์กรอิสระ “ซีฉั่ง” ที่หมายถึง สำนักตะวันตก เพิ่มจาก “ตงฉั่ง” สำนักตะวันออกที่มีอยู่เดิม องค์กรอิสระ ซีฉั่ง และตงฉั่ง ทำให้ขันทีสามารถใส่ไคล้ให้ร้ายผู้คนได้ตามอำเภอใจ ข้าราชการและราษฎรที่ไม่ยอมเป็นพวกขันที แม้ไม่มีความผิดก็ถูกโยนข้อหาใส่ ถูกนำตัวไปประหารชีวิตเป็นจำนวนมาก

ข้อหาที่โดนกันมากที่สุดก็คือ ความไม่จงรักภักดีต่อราชวงศ์หมิง ต่อมาสถานการณ์เลวร้ายขึ้นอีก เมื่อขันทีหลิวจิ่นจัดตั้ง “เน่ยฉั่ง” ที่แปลว่า สำนักใน เป็นองค์กรอิสระขึ้นมาอีกองค์กรหนึ่ง องค์กรนี้มีอำนาจและมีอิทธิพลล้นฟ้า ราษฎรจีนต่างกล่าวกันว่า สมัยพวกเรามีจักรพรรดิอยู่ 2 องค์ องค์หนึ่งคือจักรพรรดินั่ง อีกองค์หนึ่งคือจักรพรรดิยืน องค์หนึ่งคือจักรพรรดิจู อีกองค์หนึ่งคือจักรพรรดิหลิวองค์กรอิสระในปลายสมัยราชวงศ์หมิงมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังใหญ่โตขนาดจักรพรรดิก็เข้าไปแทรกแซงไม่ได้

ผู้ที่เป็นมหันตภัยร้ายแรงที่สุดก็คือ ขันทีเว่ยจงเสียน ซึ่งมีอำนาจสั่งการได้ในสมัยจักรพรรดิหมิงซีจง ขันทีเว่ยจงเสียนใช้องค์กรอิสระชี้เป็นชี้ตายข้าราชการและราษฎรได้ เป็นช่วงสมัยที่ทั้งแผ่นดินจีนตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างมากที่สุด

นอกจากขันทีแล้ว สิ่งที่ทำให้ราษฎรออกมาก่อจลาจลทำให้ราชวงศ์หมิงล่มสลายก็คือ ที่ดิน พวกตระกูลใหญ่และขันทีมักจะใช้อำนาจราชการและองค์กรอิสระยึดที่ดินของราษฎรเอาไปเป็นที่ดินของหลวงและที่ดินของขุนนาง ชาวนาจำนวนมากเสียกรรมสิทธิ์ที่ดินไป ถ้าอยากทำนาต่อก็ต้องไปเช่าที่ดินจากเจ้าของใหม่

20 ปีสุดท้ายของราชวงศ์หมิง ขันทีและองค์กรอิสระแนะนำให้ราชสำนักเก็บภาษีเบ็ดเตล็ดเพิ่มหลายประเภท ไหนจะต้องเสียค่าเช่านาของตัวเอง ไหนจะต้องเสียภาษี ราษฎรก็หลบหนีและกลายเป็นคนพเนจรเร่ร่อนไปเป็นจำนวนมาก

ในสมัยพระเจ้าหมิงซือจง เกิดภาวะฝนแล้ง ข้าวยากหมากแพง ทุพภิกขภัยในมณฑลส่านซีมีมากจนคนไม่มีอะไรจะกิน ผู้คนจึงจับกลุ่มแอบคุยกันเพื่อต่อต้านราชวงศ์หมิงอย่างลับๆ

แรกๆ ก็ทำกันไม่กี่กลุ่ม แต่เมื่อความอดอยากปากแห้งบวกกับความอยุติธรรมมีมากขึ้นเรื่อยๆ ขบวนต่อต้านราชวงศ์ก็แผ่ขยายกระจายไปทุกท้องที่อย่างรวดเร็ว เป็นลางบอกเหตุว่า ราชวงศ์หมิงใกล้ถึงจุดอวสาน

การต่อต้านเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเกิดหลายกลุ่ม กลุ่มที่มีคนเข้ามาร่วมด้วยอย่างรวดเร็วที่สุดคือ กลุ่มของหลี่จื้อเฉิง ซึ่งสุดท้ายมีกำลังพลหลายแสนคนในเวลาอันสั้น หลี่จื้อเฉิงจึงสถาปนาตนเองเป็นต้าซุ่นบุกไปยึดเมืองปักกิ่งได้

พระเจ้าหมิงซื่อจงผูกพระศอปลงพระชนม์ตนเอง

ราชวงศ์หมิงซึ่งตั้งมายาวนาน 276 ปี

มีจักรพรรดิในราชวงศ์นี้ถึง 16 พระองค์

ก็ถึงกาลสิ้นสุด.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

Leave a comment