ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/211571
โชยกลิ่นเครื่องเทศลอยมาแต่ไกล สะเต๊ะเนื้อสัตว์ย่างหอมๆ ให้คนที่เดินผ่านได้น้ำลายสออีกทั้งสีสันของเนื้อย่างที่อมสีเหลืองยังล่อตาจนอดไม่ได้ที่จะลองชิมสักไม้สองไม้ จากกลิ่นเครื่องเทศที่หอมแรงของสะเต๊ะ ทำให้เรารู้ได้ว่าสะเต๊ะไม่ใช่อาหารต้นตำรับของบ้านเราอย่างแน่นอน แต่ยังไม่มีประวัติบ่งบอกแน่ชัดว่า เจ้าของต้นตำรับของสะเต๊ะนั้นชาติไหนเป็นต้นตำรับ เพียงสันนิษฐานว่าน่าจะกำเนิดจากประเทศแถบอาหรับ เนื่องจากลักษณะของสะเต๊ะไปละม้ายคล้ายคลึงกับ เคบับ (Kebab) อาหารพื้นเมืองของชาวอาหรับนั่นเอง

แต่ที่เรารู้จักสะเต๊ะมาจนถึงทุกวันนี้เพราะว่าชาวอินโดนีเซียได้ริเริ่มดัดแปลงเคบับของชาวอาหรับ ให้เป็นเนื้อย่างชุ่มซอสเครื่องเทศกินคู่กับน้ำจิ้มถั่วป่นและอาจาดรสเปรี้ยวเข้ากันเป็นอย่างดี หลังจากนั้นสะเต๊ะก็ถูกแพร่ขยายความอร่อยเหมือนวัฒนธรรมของประเทศ ทำให้สะเต๊ะเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในเวลาต่อมา บางตำรากล่าวว่าสะเต๊ะของอินโดนีเซียอาจได้รับอิทธิพลจากอาหารพื้นเมืองของอินเดียภาคเหนือ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากชาวเติร์กอีกทอดหนึ่ง ตำรับดั้งเดิมของชาวตุรกีเป็นเนื้อแพะหั่นเป็นชิ้นหมักแล้ว เสียบเหล็กแหลมย่างไฟ ชาวเปอร์เซียและชาวอินเดียรับมาดัดแปลง อาจใช้เนื้อบดหรือเนื้อทั้งชิ้น จะเสียบหรือไม่เสียบไม้ก็ได้ เมื่อแพร่หลายมาถึงมลายู-ชวาจึงกลายเป็นสะเต๊ะดังในปัจจุบัน
ภาษามาเลย์ ออกเสียงว่า Satai อินโดนีเซียเรียก Sate พอแผลงมาเป็นฝรั่งเขาเรียกว่า Satayซึ่งไม่น่าจะมาจาก Steak ของฝรั่ง เพราะอาหารจำพวก Steak ส่วนใหญ่จะทอดบนกระทะแบนๆ ที่เรียกว่า Hot Plate กัน แต่ Satay จะเป็นเนื้อชิ้นๆ ชุ่มด้วยเครื่องเทศแล้วเสียบไม้ไปย่างมากกว่าดังได้สันนิษฐานว่าดัดแปลงมาจาก Kebabของอาหรับ เหมือนกับ Kebab ที่คนไทย เรียกว่า กะบาบ หมายถึงเนื้อหั่นชิ้นแล้วเอาไปย่างไฟ
สะเต๊ะ (Satay) ของอินโดนีเซียมักเป็นสะเต๊ะเนื้อ หรือไม่ก็ไก่เท่านั้น ย่างจนสุกหอมกินกับน้ำจิ้มถั่วลิสงในแบบชวาแท้ ชาวไทยมุสลิมที่ทำเนื้อสะเต๊ะ ส่วนใหญ่มีเชื้อสายแขกชวาหรือมลายูเป็นสำคัญ ส่วนตำรับดั้งเดิมของตุรกีเรียก “ชิค เคบาบ” เป็นเนื้อแกะหั่นชิ้นพอคำ หม่า (หมัก) ได้ที่แล้วร้อยเป็นพวงในเหล็กแหลมย่างไฟ

ชุดหมูสะเต๊ะและตับสะเต๊ะ พร้อมขนมปังปิ้ง
ชองกี่ หมูสะเต๊ะ
“ชองกี่หมูสะเต๊ะ” ร้านหมูสะเต๊ะเจ้าเก่าแก่ในย่านเยาวราช อยู่ครองใจลูกค้าได้ยาวนานถึง 70 กว่าปี ร้านนี้เขาใช้หมูอนามัยหมักจนหอมกลิ่นเครื่องเทศ ไร้ผงชูรสหมูไม้ใหญ่ ฉ่ำไปด้วยน้ำกะทิที่คอยพรมระหว่างย่างด้วยไฟกลางค่อนข้างแรง จนหอมไหม้กลิ่นถ่านไม้โกงกาง
“ข้าวพระรามลงสรง” คนจีนแต้จิ๋วในบ้านเราเรียก“ซาแต้ปึ่ง” โดยการลวกผักบุ้งและหมูหรือเนื้อ วางบนข้าวสวย และราดด้วยซอสที่รูปรสกลิ่นเหมือนน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ สมัยก่อนมักขายคู่กัน คำว่า “ซาแต้” น่าจะมาจากคำว่า “Satay” คือสะเต๊ะนั่นเอง

ความอวบอิ่มของหมูสะเต๊ะแต่ละไม้ที่ปิ้งแล้ว
จุดเด่นของหมูสะเต๊ะ “ชองกี่” เจ้านี้ที่แตกต่างจากเจ้าอื่นๆ คือหมักเนื้อหมูกับเครื่องเทศเอาไว้นานถึง 6 ชั่วโมง เพื่อให้เครื่องเทศซึมซับลงไปในเนื้อหมู จนหอมได้ที่ ไม่ฉุนกลิ่นเครื่องเทศมากจนเกินไปนัก เนื้อหมูหั่นหนาไม้ใหญ่จนต้องแบ่งเคี้ยว 2 คำ มีมันแทรกเล็กน้อยซึ่งจะทำให้เนื้อหมูนุ่ม ไม่เหมือนหลายๆ เจ้าที่หั่นบางแบนทำให้เนื้อหมูแข็งกระด้าง ไฟที่ใช้ปิ้งแรงปานกลาง ถ้าไฟอ่อนเนื้อหมูจะแข็งเกิน เมื่อหมูโดนไฟย่างก็จะยิ่งเพิ่มความอร่อยเพราะระหว่างปิ้งต้องคอยพรมน้ำกะทิเป็นระยะ

ตับสะเต๊ะ
มาที่ร้านนี้แล้วอย่าลืมสั่งตับสะเต๊ะ ตับชิ้นโตๆ หนึบๆ สดอร่อย ชุ่มฉ่ำไม่แห้งแข็งจนเกินไป เริ่มตั้งแต่การรู้จักเลือกตับแป้ง นำไปต้มทั้งชิ้นก่อนด้วยจังหวะจะโคนพอดิบพอดีไม่แข็ง ไม่ดิบจนเกินไป เมื่อหั่นแล้วหมักเครื่องเทศเสียบไม้ปิ้งเมื่อชิมแล้วได้สัมผัสที่นุ่มนวลเนียน เคี้ยวจมเขี้ยวนัก

ขนมปังปิ้ง
ขนมปังชิ้นฟูหนา ย่างไฟมาไหม้เกรียมนิดหน่อย จุ่มกินกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ รสกลมกล่อม
เครื่องแกงร้านนี้ปรุงเอง ไม่ได้ไปซื้อน้ำพริกมัสมั่นหรือน้ำพริกพะแนงจากที่อื่น น้ำจิ้ม ร้านนี้มีรสกลางๆ จึงไม่เผ็ดมากนัก มีกลิ่นสมุนไพรหอมอ่อนๆ ไม่ได้มีรสหวานตามสมัยนิยม

แจกน้ำจิ้มคนละจานหมดเติมได้

อาจาด
อาจาดประกอบด้วยแตงกวา หอมแดง และพริกชี้ฟ้าสด ราดด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำตาลและเกลือเหมือนเป็นน้ำสลัด
ยังจำได้ว่าเมื่อสมัย 40 ปีก่อน หมูสะเต๊ะเจ้านี้ไม้ใหญ่ปิ้งขายไม้ละ 1 บาท (ปัจจุบัน 8 บาท) เจ้าของร้านแขวนป้ายทำนองท้าทายลูกค้าว่า ใครสามารถกินได้ถึง 100 ไม้ จะให้กินฟรี มีอาสาสมัครหลายรายมากินตามคำท้า ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดกินได้หมด 100 ไม้ พากันตกม้าตาย ต่อมาปรากฏนักกินร่างใหญ่สามารถกินได้ครบ 100 ไม้ อย่างทุลักทุเล จึงได้กินฟรี นับแต่นั้นมาเจ้าของร้านจึงยกเลิกกติกากินฟรีจนทุกวันนี้

หมูสะเต๊ะ ตับสะเต๊ะ ไม้ละ 8 บาท

ร้าน “ชองกี่หมูสะเต๊ะ” ตั้งอยู่ซอยสุกร 1 เดินเข้าไปในซอยสุกร 1 จนสุดซอยเกือบออกถนนข้าวหลามจะมองเห็นร้านตั้งอยู่ทางขวามือเป็นตึกแถวติดกับร้านข้าวหมูแดงสีมรกต วันจันทร์เปิด 09.30-14.00 น. วันอังคาร-วันอาทิตย์ 09.30-18.30 น.
ร้านชองกี่หมูสะเต๊ะ ซอยสุกร 1 ถ.ตรีมิตร ซอยตรงกันข้ามกับวัดไตรมิตร เยาวราช
วันจันทร์ เปิดเวลา 09.30-14.30 น. วันอังคาร-อาทิตย์ เปิดเวลา 09.30-19.00 น.
โทร. : 02-6396584
