70 ปี “ศาลโลก”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/608161

โดย เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์ 21 เม.ย. 2559 05:01

 

“70 ปี” ถ้าเป็นคนก็ถือว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน หากจะเป็นสถาบันหรือองค์กรก็เช่นกัน โดยเฉพาะสถาบันหลักระดับ

โลกด้วยแล้ว เรื่องราวประวัติศาสตร์ก็คงผ่านมือ มาเยอะ อย่างเช่น ผู้ตัดสินคดีความของโลกอย่าง “ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ” (ไอซีเจ) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า “ศาลโลก”

ไอซีเจอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์และมีพิธีเปิดศาลพิเศษเพื่อเป็นเกียรติที่กรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์ โดยมีนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้าร่วมด้วย เมื่อวันพุธ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา

ไอซีเจก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2489 หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีผู้พิพากษาจากนานาชาติ 15 คน วาระ 9 ปี ทำหน้าที่ชี้ขาดความขัดแย้งระหว่างรัฐ เป็นคนกลางตัดสินโดยไม่เลือกข้างเมื่อเกิดปัญหาขัดแย้งขึ้นระหว่างเพื่อนบ้าน

คดีแรกของไอซีเจมีขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2490 อังกฤษฟ้องแอลเบเนียกรณีเรือพิฆาตของอังกฤษ 2 ลำถูกทุ่นระเบิดโจมตีระหว่างสงครามช่องแคบคอร์ฟู คร่าชีวิตทหาร 45 นาย แอลเบเนียถูกตัดสินให้รับผิดชอบค่าชดเชยในเหตุที่เกิดขึ้นแต่ก็ได้ตัดสินว่าอังกฤษละเมิดอธิปไตยของแอลเบเนียที่เข้าไปทำลายทุ่นระเบิดถึงในน่านน้ำแอลเบเนีย

และนับแต่นั้นก็มีคดีหรือการฟ้องร้องราว 200 คดีที่ไอซีเจได้มีคำตัดสินมา ซึ่งล้วนเกิดจากปัญหาขัดแย้งทวิภาคี เพื่อนบ้านทะเลาะกันซึ่งก็รวมทั้งกรณีพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหาร ซึ่งไทยกับกัมพูชาขัดแย้งกันมายาวนาน ไอซีเจได้ตัดสินเมื่อปี 2556 ผลเป็นอย่างไรคงรู้กันดีแล้วและเมื่อคู่กรณีต่างยอมรับคำตัดสินของ “ศาลโลก” เรื่องเลยสงบ

ไอซีเจยังรับบทบาทสำคัญ ทำคดีการ ทดสอบนิวเคลียร์ของโลก หลังประเทศหมู่เกาะ มาร์แชล เขตทดสอบนิวเคลียร์นานาชาตินำโดยสหรัฐฯ ได้ฟ้องมหาอำนาจนิวเคลียร์โลกต่อการทดสอบนิวเคลียร์ เรื่องอยู่ระหว่างพิจารณา

เมื่อปี 2557 ไอซีเจยังเคยมีคำตัดสินซึ่งดูจะเป็นชัยชนะเชิงสัญลักษณ์ของนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม เมื่อตัดสินว่าการล่าวาฬประจำปีในมหาสมุทรแอนตาร์กติกของญี่ปุ่น เป็นการล่าเพื่อการพาณิชย์มากกว่าศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ตามที่ญี่ปุ่นอ้าง แม้ว่าญี่ปุ่นเพิ่งเดินหน้าล่าวาฬต่ออีกเมื่อเดือนที่แล้ว

กรณีหลังนี้แสดงให้เห็นว่าคำตัดสินศาลโลกจะศักดิ์สิทธิ์ก็ต่อเมื่อประเทศคู่ขัดแย้งยอมรับอำนาจศาลเท่านั้น.
เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์

Leave a comment