ชมรมเด็กวัด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/608768

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 22 เม.ย. 2559 05:01

 

ผมซื้อรังนกอีแอ่นและนำมาปรับปรุงคุณภาพเพิ่มมูลค่าเพื่อไปส่งขายที่เมืองจีน โดยมีพี่สะใภ้และพี่เขยคอยจัดการขายให้ที่เทียนจิน เมืองท่าที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงปักกิ่ง

ผู้คนในจันทบุรีและตราดสร้างบ้านให้นกอีแอ่นอาศัย และก็ทยอยเก็บรังนกมาขาย ถึงปีแล้วครับ ที่ผมและแม่ตระเวนดูบ้านนกอีแอ่นในพื้นที่จันทบุรีและตราด เมื่อทราบว่าเป็นลูกหลานใคร ผู้คนก็มักจะเล่าความหลังก่อนของพ่อแม่ปู่ย่าตาทวดให้ฟัง

เพื่อนพ่อคนหนึ่งซึ่งจบชั้น ป.4 เล่าว่า ถ้าไม่มีโรงเรียนขลุงรัชดาภิเษกมาตั้งอยู่ใกล้บ้าน เด็กบ้านนอกอย่างพ่อของมึงก็ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือชั้น ม.ศ.1 ถึง ม.ศ.3 ทุกทีที่ปิดเทอม พ่อของมึงต้องมาหากูให้พาไปทำงานหาเงินไปจ่ายค่าเล่าเรียนและหนังสือ

อายุเพียง 11 ปี พ่อกับนายยงยุทธ กลางเนิน หรือลุงบอล ซึ่งปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 9/1 ม.6 ต.วันยาว อ.ขลุง ทั้งสองต้องไปรับจ้างผสมและหิ้วปูนสร้างโบสถ์ที่วัดวังสรรพรส ถึงตอนเย็น กระโจนลงคลองอาบน้ำล้างตัวแล้ว ก็ขึ้นไปนวดให้หลวงพ่อคง วันไหนปูนไม่มา พ่อก็จะช่วยผู้คนที่จะมารอสักยันต์ ซึ่งสมัยนั้น นิยมสักยันต์แบบลงอักขระ ทั้งยันต์ตรีนิสิงเห ยันต์ไตรสรณคมณ์ ยันต์อิติปิโส ยันต์จักรพรรดิมาลา ยันต์ไกรจักร ยันต์หนุนดวงชะตา ฯลฯ

จบ ม.ศ.3 จากโรงเรียนประจำอำเภอแล้ว พ่อไม่รู้จะไปไหนต่อ เพราะสมัยนั้น ไม่มีเงินอุดหนุนการศึกษา เรื่องการเงินลำบากมาก ไหนจะต้องจ่ายค่าเทอม ค่าหนังสือเรียน ฯลฯ หนังสือเรียนสมัยนั้นต้องใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ จดตัวอักษรอะไรลงไปในกระดาษไม่ได้เลย เพราะต้องเก็บไว้ให้น้อง หรือไม่เอาไปขายต่อ เพื่อนำเงินมาซื้อหนังสือใหม่

ผู้ด้อยสถานะทางเศรษฐกิจอย่างพ่อผมจะไม่ได้เรียนหนังสือต่อชั้นมัธยมปลาย หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากพระ 2 รูป รูปแรกก็คือ พระมหาเข้ม โอภาชาติ (ปัจจุบันคือ พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดป่าคลองกุ้ง จันทบุรี) และพระปลัดสุวัฒน์ ด้วงบ้านยาง (ปัจจุบันคือ พระอุดมวัฒนมงคล เจ้าอาวาสวัดถ้ำวัฒนมงคล ระยอง) ซึ่งก่อนหน้านั้น พ่อต้องหิ้วกล่องกระดาษใส่หนังสือและเสื้อผ้าเครื่องใช้ เร่ร่อนไปขออาศัยหลับนอนในหลายสถานที่

ปัจจุบัน สถานการณ์ด้านการศึกษาของประเทศไทยเริ่มสบายขึ้น เมื่อรัฐบาลคณะต่างๆ ให้ความช่วยเหลือและอุดหนุนเงินการศึกษาในระดับมัธยมปลาย ทำให้แม้แต่โรงเรียนเอกชน ก็ไม่ต้องเก็บค่าใช้จ่ายแพงจากครอบครัวนักเรียนเหมือนเมื่อก่อน

ข้อดีของร่าง รธน. ม.54 คือรัฐเพิ่มการอุดหนุนชั้นอนุบาล

ข้อเสียคือ รัฐตัดการอุดหนุนชั้นมัธยมปลาย

ผมว่าจะเป็นเรื่องดีและแฮปปี้กันทั้งประเทศ หากรัฐจะอุดหนุนการศึกษาตั้งแต่อนุบาลยันมัธยมปลาย

ผมไม่ห่วงนักเรียนฐานะดีดอกครับ แต่สงสารคนที่มาจากครอบครัวยากจนและปานกลาง โถ หนูๆเพิ่งพ้นจากสถานะความเป็นเด็กน้อยเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง วันนี้หนูต้องมาปากกัดตีนถีบเพื่อหาเงินแลกความรู้ใส่หัวซะแล้ว หนูจะมีสมาธิเรียนหนังสือหรือ?

ผู้อ่านท่านผู้เจริญโปรดอย่าคิดว่าผู้ปกครองจากโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษาและอาชีวศึกษา 3,951 แห่ง (นักเรียน 2,386,257 คน ครู 100,067 คน) และโรงเรียนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 30,922 แห่ง (นักเรียน 7,114,804 คน ครู 402,412 คน) จะมีศักยภาพส่งเสียลูกหลานให้ได้รับการศึกษาเหมือนกันทั้งหมดนะครับ

หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน นักเรียนชายที่ไม่มีเงิน แต่อยากเรียนหนังสือ ก็ต้องไปอาศัยวัดละครับ ทั้งประเทศไทยมีวัด 38,984 แห่ง ทั้งพระ 289,131 รูป และเณร 60,528 รูป ก็อาจจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมรับเด็กวัดเพิ่ม

ถ้าพระหรือเณร 1 รูป อาสาอุปการะให้ที่นอนที่กินนักเรียนชาย 3 คน วัดและพระก็จะแบ่งเบาภาระรับนักเรียนชายได้ 1,048,977 คน แต่ทรัพยากรมนุษย์ของเราอีก 8,452,084 คนละครับ ลูกคนยากคนจนในจำนวนนี้จะทำอย่างไร? นักเรียนหญิงจะทำอย่างไร?

พ่อผมฝากแนะนำให้อดีตเด็กวัด ผู้คนที่ในอดีตเคยกินข้าวก้นบาตร คนที่ในอดีตเคยได้รับความช่วยเหลือจากพระเณรในขณะที่เรียนหนังสือ มารวมกันจัดตั้ง “ชมรมเด็กวัด” เพื่อระดมสมองช่วยกันคิดและเข้าไปช่วยเกื้อกูลวัด พระ เณร และเด็กวัดรุ่นใหม่

ใครไม่อายอดีตเชิญที่ Line official ไอดี @LGJ0596P

และค่อยนัดกันว่าจะไปรวมตัวคุยกันที่ไหน

ถ้าวัดไหนพร้อมให้สถานที่เป็นที่ตั้งชมรมเด็กวัด

ก็จะกราบขอบพระคุณมากครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

Leave a comment