ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/610166
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 เม.ย. 2559 05:45

(ภาพ: AFP)
หน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯเผยผลการศึกษาใหม่ พบว่าอัตราการฆ่าตัวตายของชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นสู่ค่าสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงวัยกลางคน…
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศูนย์สถิติสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นซีเอชเอส) หน่วยงานในสังกัดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรง (ซีดีซี) ของสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานใหม่ในวันศุกร์ซึ่งพบว่า อัตราการฆ่าตัวตายในประเทศในพุ่งสูงขึ้นสู่ค่าสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี โดยอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุยกเว้นเพียงคนชรา และเพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษในกลุ่มผู้หญิงและชาวอเมริกันวัยกลางคน
ผลการศึกษาของเอ็นซีเอชเอสชี้ว่า อัตราการฆ่าตัวตายโดยรวมในปี 2014 ถึง 42,773 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 1999 ที่มีจำนวนคนฆ่าตัวตาย 29,199 รายถึง 24% ขณะที่ตลอดช่วงเวลาการศึกษา (ปี 1999-2014) อัตราผู้หญิงวัยกลางคนอายุระหว่าง 45-64 ปี เพิ่มขึ้น 64% ขณะที่ชายวัยเดียวกันอัตราฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น 43% สูงที่สุดในทุกช่วงอายุของเพศชาย
การฆ่าตัวตายในสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นเกือบทุกกลุ่มและช่วงอายุ เว้นเพียงกลุ่ม ‘ชายผิวสี’ และชายหญิงที่อายุเกิน 75 ปีเท่านั้นที่อัตราลดลง ทำให้อัตราฆ่าตัวตายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 13 คนต่อประชากร 100,000 คน สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1986 โดยอัตราฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้อย่างช้าๆมานานหลายปี และเริ่มขยับขึ้นปีละ 2% ตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา
นางแคทเธอรีน เฮมป์สตีด ที่ปรึกษาอาวุโศด้านสาธารณสุขของกองทุน ‘โรเบิร์ต วูด จอห์นสัน’ ระบุว่า ตัวเลขที่ออกมาเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงมาก เธอยังเชื่อมโยงการฆ่าตัวตายชายคนวัยกลางคนเข้ากับความตึงเครียดเกี่ยวกับงานและปัญหาการเงินส่วนตัวด้วย
นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบสัญญาณเตือนว่า แม้จะยังเป็นตัวเลขที่ต่ำแต่อัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มผู้หญิงอายุระหว่าง 10-14 ปี เพิ่มสูงขึ้นถึง 3 เท่า จาก 50 รายในปี 1999 เป็น 150 รายในปี 2014
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาไม่ได้ระบุคำอธิบายว่าเหตุใดอัตราการฆ่าตัวตายในสหรัฐฯจึงสูงขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เป็นผลมาจากยาที่มีส่วนผสมของฝิ่นและวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2008 นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าอัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มคนผิวขาวที่ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยเพ่ิมสูงขึ้นด้วย