บทความนี้ไม่เกี่ยวกับไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/611786

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 28 เม.ย. 2559 05:01

 

อบจ. อบต. เทศบาล และองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษอย่าง กทม. และเมืองพัทยามีทั้งสิ้น 7,853 แห่ง มีบุคลากรทั้งข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้างรวมทั้งหมด 466,447 คน (ยังไม่รวมนักการเมืองท้องถิ่น) บรรยายกันนานเท่าใด ก็ไม่หมด พฤหัสบดีวันนี้ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ จึงปักหลักบรรยายที่สถาบัน พัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ทั้งวัน

ผมชอบอ่านรัฐธรรมนูญของหลายประเทศ

บางประเทศอนุญาตให้รัฐช่วยเกษตรกร แต่บางประเทศกำหนดว่า รัฐต้องไม่ประกอบกิจการที่มีลักษณะการแข่งขันกับเอกชน

รัฐธรรมนูญที่เขียนซ่อนไว้ว่า รัฐต้องไม่ประกอบกิจการที่มีลักษณะการแข่งขันกับเอกชนนี่ เกษตรกรของประเทศนั้นตายแน่ครับ เพราะรัฐเข้าไปแทรกแซงอะไรไม่ได้เลย ที่จะใหญ่ไปเรื่อยๆก็คือบริษัทมหาชนของนายทุนชาติและนายทุนข้ามชาติ อ่านเพลินๆ ก็สวยหรูดูดี แต่คนที่รู้เรื่องมาตรการระหว่างประเทศที่รัฐต่างๆใช้แทรกแซงการค้าสินค้าขั้นพื้นฐาน แค่หลับตาดูก็รู้เลยว่าอนาคต หายนะมาเยือนภาคเกษตรของประเทศนั้นแน่นอน

สินค้าขั้นพื้นฐาน หรือสินค้าเกษตรกรรม สินค้าอาหาร และเครื่องดื่มนั้น ต่างจากสินค้าอุตสาหกรรม กึ่งอุตสาหกรรม และสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ เพราะไม่มีทางเลยครับที่สินค้าขั้นพื้นฐานจะเป็นไปตามกลไกตลาด

ประเทศไหนก็ตามที่ปล่อยให้การค้าขายสินค้าเกษตรเป็นไปตามสภาพธรรมชาติ เกษตรกรจะแย่ นายทุนจะรวย ดังนั้น รัฐบาลทั้งหลายในโลกจึงจำเป็นต้องสร้างมาตรการมากมายเข้าไปแทรกแซง ควบคุม ส่งเสริม ค้ำจุนสินค้าเกษตรและสินค้าขั้นพื้นฐาน

แม้แต่เกษตรกรของประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย ฯลฯ ก็ยังไม่สามารถจะดำเนินกิจการและประกอบการต่างๆ ภายใต้กลไกของตลาดได้อย่างแท้จริง สินค้าเกษตรส่วนใหญ่ในโลกของเราใบนี้เป็น Non Remunerative Price ผมหมายถึง เป็นสินค้าที่ไม่ก่อรายได้ ไม่คุ้มกับการลงทุนลงแรง ไม่คุ้มกับการเสียเวลาผลิต ไหนจะมีเรื่องความไม่แน่นอนจากลมฟ้าอากาศ ไหนจะมีแมลงศัตรูพืชมาทำลายผลผลิต แถมราคาของสินค้าเกษตรยังต่ำและไม่ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่อยู่สบายบนโลกนี้ได้

รัฐบาลของหลายประเทศจึงต้องมีปฏิบัติการที่เข้าไปประกอบกิจการอะไรบางอย่างซึ่งเป็นการจำกัดหรือแข่งขันกับเอกชน เช่น มาตรการจำกัดการส่งออก มาตรการสต๊อกสินค้า มาตรการผูกพันซื้อผูกพันขาย ฯลฯ

สินค้าเกษตรเกี่ยวดองหนองยุ่งกับปากท้องของประชาชน ถ้าประชาชนคนทั้งหลายหาซื้อสินค้าเกษตร สินค้าอาหาร มาบริโภคเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตัวเองและครอบครัวในราคาถูกไม่ได้ ประชาชนก็จะอดอยากปากแห้งกันทั้งประเทศ

ถ้าชาวไร่ชาวสวนชาวนาผลิตสินค้าเกษตรและสินค้าขั้นพื้นฐานมาแล้ว ขายไม่ได้ หรือต้องขายในราคาที่ต่ำมากจนขาดทุนซ้ำซาก เกษตรกรก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน

ถ้าไม่มีรัฐบาลเข้าไปแทรกแซง สังคมของประเทศนั้นล่มจมแน่นอน หายนะจะมาเยือนภายในเวลาไม่กี่ปี ความอดอยากหิวโหยและความยากจนข้นแค้นจะแผ่ซ่านไปทุกตรอกซอกมุมของประเทศ

รัฐต้องเข้าไปแทรกแซงสินค้าเกษตร เพราะสินค้าเกษตรเกี่ยวกับชีวิต เกี่ยวกับสุขอนามัยของคนและสัตว์ ถ้าปล่อยให้มีการค้าขายโดยเสรี มีการนำเข้ากันโดยเสรี หรือผลิตได้อย่างเสรี อาหารการกินของผู้คนในประเทศนั้นก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ปนเปื้อนสารพิษ หากเอกชนเลือกผลิตแต่พืชหรือสัตว์บางประเภท ก็อาจจะปล่อยให้พืชหรือสัตว์อีกหลายประเภทสูญพันธุ์ไป

31 ธันวาคม 2558 สิบประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดการค้าเสรี บริการเสรี การลงทุนเสรี การเคลื่อนย้ายเงินทุนเสรี แรงงานที่มีทักษะบางประเภทเสรี เสรีด้านอาหาร เกษตร และป่าไม้

ทว่าประเทศอย่างอินโดนีเซีย และมาเลเซียก็ยังเก็บภาษีข้าว ส่วนฟิลิปปินส์เก็บภาษีข้าวยังไม่พอ ยังมีการกำหนดโควตาอีก

รัฐธรรมนูญที่เขียนคำหรูซ่อนรูปไว้ไม่ให้รัฐช่วยเกษตรกร

เกษตรกรก็จะยากจนลงไปเรื่อยๆ

นายทุนชาติที่ทำธุรกิจเกษตรจะร่ำรวยยิ่งขึ้น

ขณะที่เขียนคอลัมน์ของวันนี้ ผมนึกถึงประเทศในทวีปอเมริกาใต้ แฮ่ๆ ไม่เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญของประเทศไหนนะครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

Leave a comment