ยูเครนรำลึกครบรอบ 30 ปี ‘ภัยพิบัติเชอร์โนบิล’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/611698

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 27 เม.ย. 2559 04:50

 

หญิงชาวยูเครนร่วมพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในภัยพิบัติเชอร์โนบิล ที่อนุสาวรีย์ในกรุงเคียฟ (ภาพ: AP)

ชาวยูเครนจัดพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุภัยพิบัติโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในเมืองเชอร์โนบิลระเบิด เมื่อปี 1986 ในวันอังคาร โดยประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก เดินทางไปร่วมพิธีที่หน้าโรงงานแห่งนี้ด้วย…

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวยูเครนจัดพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุภัยพิบัติโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในเมืองเชอร์โนบิล ระเบิดเมื่อปี 1986 ในวันอังคารที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวันครบรอบ 30 ปี การเกิดหายนะครั้งนี้ อันเป็นเหตุให้กัมมันตภาพรังสีรั่วไหลครั้งร้ายแรงที่สุดในโลก

ชาวยูเครนร่วมจุดเทียนรำลึกในโบสถ์ มิคาอิล ในกรุงเคียฟ (ภาพ: AP)

ญาติของผู้เสียชีวิตเดินทางไปร่วมพิธีจุดเทียนรำลึกในโบสถ์หลายแห่งทั่วประเทศ รวมทั้งที่โบสถ์ในเมือง สลาวูตีช ซึ่งถูกสร้างขึ้นสำหรับเจ้าหน้าที่ที่อาศัยอยู่ใกล้โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล

ขณะที่ นายเปโตร โปโรเชนโก ประธานาธิบดียูเครน นำพวงหรีดมาวาง ณ สถานที่จัดพิธีรำลึกในกรุงเคียฟ และร่วมสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาทีเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต ก่อนจะเดินทางไปร่วมพิธีรำลึกถึงที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพรมแดนประเทศเบลารุส

“เราขอยกย่องเหล่าผู้ที่เจ็บป่วย และต้องการความสนใจเป็นพิเศษจากรัฐบาลและสังคม” ประธานาธิบดียูเครนกล่าวในพิธีที่เชอร์โนบิล “เราขอจดจำเหล่าผู้ที่สูญเสียชีวิตในการต่อสู้กับมหันตภัยนิวเคลียร์ ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดอย่างไม่รู้จบสิ้น”

ประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก กล่าวปราศรัยหน้าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล (ภาพ: AP)

โปโรเชนโก ยังกล่าวด้วยว่า ภัยพิบัตินิวเคลียร์ครั้งนี้เป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดของประเทศเทียบเคียงกับการยึดครองของกองทัพนาซีในยุคสงครามโลก และกบฏแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของประเทศ “เรายิ่งจำเป็นต้องใช้จ่ายทรัพยากรเพื่อรับมือผลที่ตามมาจากภัยพิบัติเชอร์โนบิล เมื่อเราจำเป็นต้องจัดหาทุนให้แก่หน่วยดับเพลิงและผู้เสียหาย เราต้องจ่ายงบประมาณเกือบ 1 ใน 5 ส่วนของงบฯ สำหรับการป้องกันประเทศและความมั่นคง”

ด้านประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ส่งข้อความถึงผู้ที่ช่วยในการทำความสะอาดโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล หรือรู้จักในชื่อ ผู้สะสางสารกัมมันตรังสีขั้นสุดท้าย (liquidators) จำนวนกว่า 600,000 คน และระบุด้วยว่าหายนะครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับมนุษยชาติ

ประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน วางพวงหรีดที่อนุสาวรีย์ไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากเหตุภัยพิบัติเชอร์โนบิล ที่หน้าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล (ภาพ: AP)

ทั้งนี้ ภัยพิบัติเชอร์โนบิล เริ่มขึ้นจากการที่วิศวกรทดสอบการทำงานของระบบหล่อเย็น และระบบทำความเย็นฉุกเฉินของแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่การทดสอบล่าช้าจนถึงช่วงกลางคืน ก่อนเกิดแรงดันไอน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน แต่ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติไม่ทำงาน ส่งผลให้เกิดความร้อนสูงขึ้นจนทำให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 หลอมละลาย และเกิดระเบิดขึ้นในช่วงเช้ามืดวันที่ 26 เม.ย. 1986

ผลจากการระเบิดทำให้เกิดขี้เถ้าปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีพวยพุ่งขึ้นสู่บรรยากาศยาวนานถึง 10 วัน ขี้เถ้าปกคลุมทางตะวันตกของสหภาพโซเวียต, ยุโรปตะวันออก, ยุโรปตะวันตก และยุโรปเหนือ พื้นที่กว่า 200,000 ตร.กม. ครอบคลุมพื้นที่ 71% ของประเทศเบลารุส, รัสเซีย และยูเครน ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี ทำให้ทางการของทั้ง 3 ประเทศต้องอพยพประชาชนรวมกว่า 336,000 คนไปยังที่ปลอดภัย

จำนวนผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียง โดยรายงานในการประชุม ‘เชอร์โนบิล ฟอรัม’ ในปี 2005 สรุปว่ามีผู้เสียชีวิรจากการสัมผัสกับกัมมันตภาพรังสีไม่ถึง 50 คน ส่วนใหญ่เป็นคนงานที่เสียชีวิตทันทีหลังเกิดระเบิด แต่บางส่วนก็รอดชีวิตจนถึงปี 2004 และประมาณการด้วยว่า ในที่สุดแล้วอาจมีประชาชนมากสุด 9,000 คน ที่เสียชีวิตจากการสัมผัสกับรังสี แต่กลุ่มกรีนพีซ อ้างว่าตัวเลขดังกล่าวอาจสูงถึง 93,000 คน

Leave a comment