ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/611152
โดย คุณนิติ นวรัตน์ 27 เม.ย. 2559 05:01

ที่สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซ.งามดูพลี ถ.พระราม 4 กรุงเทพฯ 18.00-21.00 น. ของพุธวันนี้ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ จะพูด “การค้า การลงทุน และการต่างประเทศ” ซึ่งเชิญโดยอาจารย์ มนตรี ฐิรโฆไท ประธานสถาบันนักลงทุนรุ่นใหม่
ห้วง 4 วัน ผมตาม ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ ไปพูดรับใช้เรื่องการศึกษาไทยและการศึกษาโลกถึง 2 งานใหญ่ด้วยกัน งานแรกเมื่อ 22 เม.ย. ของสมาคมกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย ซึ่งมีผู้อำนวยการและกรรมการโรงเรียนมาร่วมรับฟังถึง 650 คน งานที่สองเมื่อ 25 เม.ย. ของมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ที่มีผู้ฟัง 450 คน ส่วนใหญ่เป็นอาจารย์และผู้อำนวยการโรงเรียนประถมและมัธยมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สิ่งหนึ่งซึ่งผู้คนในวงการศึกษาไทยกังวลใจก็คือ ขณะนี้มีการตั้งคณะอนุกรรมการยกร่างแผนการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ที่มีข่าวลือว่ากำลังดำเนินการเปลี่ยนสถานภาพครูจาก “ข้าราชการ” ไปเป็น “พนักงานราชการ”
ผมค้านเรื่องนี้ครับ ครูเป็นอาชีพเกียรติยศ ที่ควรได้รับความเคารพยกย่องอย่างสูงจากสังคม ต้องมีความมั่นคงทางสถานภาพ ครูทำงานหนัก ทว่าความก้าวหน้ากลับไม่มีมากเหมือนข้าราชการประเภทอื่น แต่ที่ผู้คนจำนวนหนึ่งเลือกทำงานเป็นครู ก็เพราะความมั่นคงทางอาชีพ
หากเปลี่ยนสถานะเป็นพนักงานราชการที่มีการประเมินเพื่อต่ออายุการทำงานอยู่เป็นระยะ ครูไม่ต้องเตรียมการสอนกันแล้วครับ แต่ต้องเตรียมผลงานเอาไปเสนอผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจอนุมัติ ว่าจะให้ทำงานต่อหรือไม่
ต่อไป ครูจะสอนเก่งหรือไม่เก่งไม่ใช่ปัญหา ถ้าหากเอาใจผู้บริหารอย่างถึงพริกถึงขิง ถึงลูกถึงคน ถึงเนื้อถึงตัว ก็ได้รับการประเมินให้ได้ทำงานต่อ
ปัญหาของการศึกษาไทยมีมากอยู่แล้ว ที่ผ่านมากฎระเบียบอะไรต่างๆ ก็ปรับเปลี่ยนกันบ่อยจนครูตามไม่ทัน เปลี่ยนโน่นปรับนี่จนมั่วซั่วไปหมด วันนี้ ท่านยังมาเสนอเรื่องที่จะทำให้บุคลากรทางการศึกษาขาดขวัญและกำลังใจขึ้นมาอีก
คนที่จะชอบการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ น่าจะมีคนเพียงประเภทเดียวครับ คือพวกประจบสอพลอ พวกเสนอหน้า ผมขอเรียนว่า นี่คือแผลขนาดใหญ่ที่จะปล่อยเชื้อโรคให้เข้าไปก้าวก่ายและสร้างระบบเส้นสายในวงการการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแทรกแซงจากทางการเมือง ต่อไปอาชีพครูก็จะเป็นเหมือนการเล่นกระดานหก พอพรรคการเมือง A มีอำนาจ อีกพวกหนึ่งก็ถูกเททิ้ง แต่เมื่อพรรคการเมือง B มีอำนาจ ก็ยกครูและบุคลากรทางการศึกษาฝั่งของตนขึ้นมาบ้าง
มีข่าวรั่วออกมาด้วยว่า อนุกรรมการยกร่างฯ จะให้ผู้อำนวยการโรงเรียนมาดำรงตำแหน่งด้วยวิธีการสรรหา โดยการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการสถานศึกษา โดยผู้มีอำนาจในระบบนี้จะมีวาระการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 4 ปี นี่ก็เป็นการบ่มเพาะระบบพรรคพวกขึ้นในวงการศึกษาด้วยเช่นกัน จะเก่งไม่เก่ง จะชั่วจะดียังไง ไม่เกี่ยว ถ้าเป็นพวกเดียวกันก็ได้รับการสรรหาให้มาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน
เกือบ 20 ปีที่ผ่านมา พ่อของผมเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยของรัฐถึง 3 แห่ง เป็นตั้งแต่มหาวิทยาลัยยังเป็นสถาบันการศึกษาของรัฐ จนกระทั่งหลายแห่งออกนอกระบบราชการ แถมยังเคยเป็นกรรมาธิการร่างพระราชบัญญัติที่ให้มหาวิทยาลัยของรัฐบางแห่งออกนอกระบบ ซึ่งพ่อของผมคัดค้านการออกนอกระบบเต็มที่ เพราะจะทำให้ต้นทุนการศึกษาของคนไทยมีราคาแพง แต่น้ำน้อยก็แพ้ไฟ สุดท้าย ร่างพระราชบัญญัติพวกนี้ก็ผ่านรัฐสภาและได้รับการบังคับใช้
เดิม มหาวิทยาลัยเป็นประชาคมของผู้คนในวงการศึกษาของแท้ อาจารย์ข้าราชการมีสถานะมั่นคงและใช้เวลาค้นคว้าหาความรู้กันอย่างเต็มที่ แต่พออาจารย์มีสถานะเป็นพนักงานราชการ มหาวิทยาลัยก็เป็นสังคมแห่งการแบ่งพรรคแบ่งพวก มีเรื่องร้องเรียนและฟ้องร้องอุบัติขึ้นมากมาย ค่าเล่าเรียนแพงเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว อธิการบดีบางคนนอกจากจะรับเงินเดือนแล้วยังรับค่าประธานหลักสูตรปริญญาตรี โท เอก สำหรับนักบริหาร รวมแล้วเดือนหนึ่งได้ถึงล้านบาทก็มี
การศึกษาอุดมศึกษากลายเป็นเรื่องการค้าพาณิชย์
อย่าให้เรื่องการค้าพาณิชย์ ระบบเล่นพรรคเล่นพวก รวมทั้งการเมือง ระบาดลามปามเข้าไปในการศึกษาระดับโรงเรียนชั้นประถมและมัธยมเลยครับ
อย่าให้ข่าวลือนี้เป็นจริงเลยครับ.
คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand