ส่องเกษตร : ฟ้าจะผ่าที่เกษตรฯ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/214199

449007

วันพุธ ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

พายุฤดูร้อนช่วงสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้านหนึ่งช่วยให้มีฝนตกลงมาพอดับร้อนและลดแล้งในบางพื้นที่ไปได้บ้าง แต่อีกด้านหนึ่งก็สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนและทรัพย์สินประชาชนไปพอสมควรเหมือนกัน

เมื่อเห็นฝนอีกครั้งหลังห่างหายไปหลายเดือน พี่น้องเกษตรกรคงมีความหวังชุมชื่นขึ้น แต่อย่าเพิ่งผลีผลามทำอะไรไป เพราะฤดูฝนที่แท้จริงยังมาไม่ถึง
ฝนยังอาจทิ้งช่วงไปอีกพัก รวมทั้งช่วงแรกฤดูฝนปีนี้ปริมาณอาจจะยังน้อยอยู่ ถ้าจะปลูกพืชอะไร ก็มีเสียงเตือนให้เน้นพืชใช้น้ำน้อยกันไปก่อน แม้ว่า มีการคาดหมายปีนี้ปรากฏการณ์ “ลานิญ่า”จะเข้ามาแทนที่“เอลนีโญ่” ทำให้มีฝนมาก ก็คงจะมาช่วงเดือนกันยา-ตุลาฯโน้น ส่วนตอนนี้ก็ยังคงร้อนและแล้งกันเป็นส่วนใหญ่อยู่

อีกแค่สิบกว่าวัน ก็จะถึงวันสำคัญของพี่น้องเกษตรกร นั่นก็คือ วันพืชมงคล 16 พฤษภาคมนี้ ถ้าช่วงนั้นเริ่มเห็นฝน ก็น่าจะชื่นใจกันบ้าง แต่ดูเหมือนที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาจจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมีกระแสข่าวที่เริ่มหนาหูขึ้นอีกแล้วว่า อาจจะเกิดพายุ“ฟ้าผ่าเปรี้ยง”หลังพระราชพิธีแรกนาขวัญ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่อีกครั้งในกระทรวง

พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปีนี้เป็นครั้งแรกที่“ธีรภัทร ประยูรสิทธิ” ในฐานะปลัดกระทรวงเกษตรฯจะได้ทำหน้าที่เป็น “พระยาแรกนา”  แต่ก็เริ่มมีกระแสว่า อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วย

ที่จริงกระแสข่าวเรื่องจะเปลี่ยนตัวปลัดกระทรวงเกษตรฯมีมาเป็นระยะหลายหนแล้ว แต่เที่ยวนี้ ดูเหมือนวี่แว่วจริงจังมากขึ้น ถึงขนาดร่ำลือว่า ขอให้ปลัดฯธีรภัทรได้ทำหน้าที่พระยาแรกนาให้เป็นเกียรติเป็นศรีแก่ตัวเองและครอบครัวให้เรียบร้อยก่อนก็แล้วกัน

สาเหตุที่จะต้องมีการเปลี่ยนตัว ก็เป็นอย่างที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาตลอดว่า ปลัดฯธีรภัทรทำงาน “ไม่เวิร์ก” ไม่สามารถทำงานในตำแหน่งนี้ได้จริงๆ เพราะทั้งขาดความรู้ความเข้าใจงานในกระทรวงเกษตรฯอย่างเพียงพอ และอาวุโส บารมี ก็ไม่มากพอที่จะสั่งงานอธิบดีระดับเขี้ยวๆในกระทรวงนี้ได้

อย่างที่รู้กันว่า ปลัดฯธีรภัทรย้ายข้ามห้วยมาจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ ซึ่งเพิ่งเป็นได้ไม่ถึง 2 ปีเลย ว่ากันว่าด้วยเคยช่วยงานด้านป่าไม้ชุมชนเป็นที่เข้าตาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯผู้มากบารมีแห่งรัฐบาลคสช.จึงได้รับการผลักดันมาเป็นปลัดกระทรวงเกษตรฯ ในขณะที่ตัวรมว.เกษตรฯอย่างพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เองตอนนั้นก็กำลังต้องการเอาคนนอกมาเป็นปลัดกระทรวง เพราะไม่ไว้ใจคนเก่าๆที่ล้วนมีเส้นสายผูกโยงอยู่กับ “หลงจู๊” แห่งสุพรรณบุรี ที่เพิ่งล่วงลับไป

แต่เมื่อมาเป็นปลัดกระทรวงเกษตรฯตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 จนถึงบัดนี้กว่า 7 เดือนแล้ว แม้ปลัดฯธีรภัทรจะมีความตั้งใจ แต่ก็ทำงานไม่ได้ จนกลายเป็นว่าตำแหน่งนี้เป็น “ทุกขลาภ” เปล่าๆ เวลาที่ประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงในกระทรวง บรรดาอธิบดีต่างๆก็หาได้สนใจฟังปลัดฯไม่ เพราะไม่ได้มีความคิดอ่านอะไรมากนัก ด้วยไม่ได้รอบรู้งานเกษตรฯ ได้แต่รับเอาคำสั่งจากรมว.ฉัตรชัยมาสั่งงานอีกที หรือบางทีก็เสนออะไรที่ไม่รู้เรื่อง จนข้าราชการที่เกี่ยวข้องก็ระอา อีกทั้งอาวุโสก็น้อยกว่าอธิบดีแต่ละคน ทั้งข้ามห้วยมาจากกระทรวงอื่น เลยยิ่งไม่ได้รับการยอมรับใหญ่

นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานในกระทรวงเกษตรฯยังไม่เป็นที่เข้าตาของประชาชนยิ่งโดยเฉพาะในภาวะที่ภาคการเกษตรกำลังเผชิญวิกฤติหนักหนาสาหัสทั้งภัยแล้ง ทั้งราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ถ้าไม่เร่งกระชับ ปรับกระบวนท่าการบริหารงานในกระทรวงใหม่ ไม่เพียงเกษตรกรที่จะยิ่งลำบาก สถานะความนิยมของรัฐบาลก็จะเพิ่มปัญหามากขึ้นได้

ที่นี่ถ้าเกิดมีการเปลี่ยนตัวปลัดกระทรวงเกษตรฯขึ้นมาจริงๆอย่างที่มีกระแสข่าว แล้วใครจะมาเป็นแทน

ก็มีเสียงกระซิบว่า ให้จับตาอธิบดีผู้หนึ่ง ซึ่งใกล้ชิดกับขั้วอำนาจ“บุรีรัมย์คอนเนกชั่น” ให้ดี อธิบดีผู้นี้สมควรได้รับฉายา “แมวเก้าชีวิต” จริงๆ เพราะรุ่งและร่วงมาหลายที แต่ก็มากฝีมือจนมีสิทธิรุ่งถึงตำแหน่งเบอร์ 1 ของข้าราชการกระทรวงเกษตรฯได้…อีกไม่นานคงได้รู้กัน

สาโรช บุญแสง

Leave a comment