ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/212472
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร คาดว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูฝนประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤษภาคม โดยจะมีฝนอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม จะเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นจะมีฝนตามปกติ และจะเพิ่มมากขึ้นเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม
สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบันมีน้ำใช้การได้ 11,117 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) สามารถสนับสนุนการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศได้จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งกรมชลประทานได้วางแผนบริหารจัดการน้ำในฤดูฝน ปี 2559 เพื่อให้ปริมาณน้ำต้นทุนมีเพียงพอใช้ตลอดฤดู รวมทั้งเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้า นอกจากนี้จะบริหารจัดการน้ำท่าให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยระบบและอาคารชลประทาน
ด้าน นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ในพื้นที่ชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยาคาดว่า ณ วันที่ 1
พฤษภาคม ปริมาณน้ำต้นทุนจาก 4 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะมีน้ำใช้การได้เพียง 1,750 ลบ.ม. ไม่สามารถสนับสนุนภาคการเกษตรได้ ต้องสำรองน้ำไว้ให้มากที่สุดและสนับสนุนการใช้น้ำด้านการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศเท่าที่จำเป็น การเพาะปลูกพืชฤดูฝนให้ใช้น้ำฝนเป็นหลัก โดยใช้กลไกของระบบและอาคารชลประทาน
การจัดการน้ำท่าแยกเป็น 2 ส่วน คือ พื้นที่ลุ่มต่ำ 1.4 ล้านไร่ ให้เกษตรกรเพาะปลูกได้ เมื่อกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศการเข้าสู่ฤดูฝนปี 2559 ส่วนพื้นที่ดอน 6.2 ล้านไร่ ให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกได้ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม 2559 เป็นต้นไป ในส่วนลุ่มน้ำแม่กลอง ให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกพืชฤดูฝนได้ตามปกติ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เป็นต้นไป
สำหรับพื้นที่โครงการชลประทานอื่นๆ ขอให้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) แต่ละพื้นที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมการประชุม จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ส่วนพื้นที่เพาะปลูกนอกเขตชลประทาน ให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกตามฤดูกาลปกติกลางเดือนกรกฎาคม ขณะที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ซึ่งฤดูฝนต่างจากภาคอื่น ให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกเดือนตุลาคมเป็นต้นไป