แพร่ศึกษาวิจัย‘ห้อม’ครบวงจร’ อนุรักษ์ฟื้นฟูพืชท้องถิ่น-ส่งเสริมเสื้อ‘หม้อห้อม’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/213189

วันพุธ ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

นายอุทัย นพคุณวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 1 (สวพ.1)กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ผ้าหม้อห้อมเป็นชุดพื้นเมืองของหมู่บ้านไทยพวนทุ่งโฮ้งที่สวมใส่มาตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน เป็นวัฒนธรรมการแต่งกายที่สืบสานมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่วิถีชีวิตของชาวแพร่ และชาวล้านนา โดยใช้พืชท้องถิ่นอย่างห้อมเป็นวัตถุดิบหลักในการย้อมสีธรรมชาติ ซึ่งผ้าหม้อห้อมที่ย้อมสีธรรมชาตินี้ ยังมีลักษณะเด่นที่สำคัญคือช่วยดูดซับแสงยูวีได้ทำให้ผู้สวมใส่ไม่ร้อนและไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ จึงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างกว้างขวาง

ดังนั้น ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ จึงได้ดำเนินการให้มีการอนุรักษ์ฟื้นฟู เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของประชาชนชาวแพร่ โดยได้ศึกษาวิจัยการผลิตห้อมแบบครบวงจร และขยายผลในกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตห้อม ผู้ประกอบการผลิตผ้าหม้อห้อมย้อมสีธรรมชาติ โดยจัดทำแปลงต้นแบบการผลิตห้อมในจังหวัดแพร่ 4 แห่ง และพะเยา 1 แห่ง รวมทั้งจัดทำแปลงศูนย์เรียนรู้การผลิตห้อม 1 แห่ง เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตห้อมอย่างครบวงจร ตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ การขยายพันธุ์ การปลูก การดูแลรักษา การทำเนื้อห้อม และการนำมาย้อมผ้าหม้อห้อม ปัจจุบันได้ถ่ายเทคโนโลยีการผลิตห้อมในแปลงต้นแบบและศูนย์เรียนรู้แก่เกษตรกรและอบรมเกษตรกรและผู้ที่ผู้สนใจในจังหวัดแพร่กว่า 1,000 ราย ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกห้อมเพิ่มจาก 5 รายเป็น 100 ราย คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ โดยเกษตรกรเหล่านั้นได้นำเทคโนโลยีการผลิตห้อมอย่างมีประสิทธิภาพไปใช้ จนสามารถผลิตห้อมได้เพียงพอตลอดทั้งปี

นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างนักวิจัย เกษตรกร และผู้ประกอบการผลิตผ้าหม้อห้อมด้วย และเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญให้แก่ชุมชนในทุกระดับ ตั้งแต่เกษตรกรผู้ผลิตห้อมสดและเนื้อห้อม ผู้ประกอบการที่ผลิตผ้าหม้อห้อม หน่วยงานราชการ กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน กลุ่มทอผ้านักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจ ทำให้เกิดการสร้างรายได้แก่เกษตรกรและสู่ชุมชนที่ผลิตผ้าหม้อห้อม มีการสร้างงานในชุมชุมเพิ่มมากขึ้น และได้สินค้า OTOP ที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดแพร่ สร้างงาน และเพิ่มรายได้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน

Leave a comment