น่าชื่นชม!’เชอรี่’เล่าประสบการณ์ ลงพื้นที่ฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมจ.น่าน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/entertain/217097

วันจันทร์ ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 16.29 น.
เป็นอีกหนึ่งคนในวงการบันเทิง สำหรับสาว“เชอรี่ เข็มอัปสร” ที่ขอลงทุนลงแรงร่วมเป็นหนึ่งในโครงการฟื้นฟูป่า “คนยืนได้ ไม้ยืนต้น” ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมถ์ หลังนักแสดงสาวลงพื้นที่สำรวจพื้นป่าในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม จ.น่าน พร้อมโพสต์ถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์ ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว@cherrykhemupsorn ทำเอาบรรดาชาวเน็ตและแฟนคลับต่างพากันชื่นชม เพราะนอกจากจะสวยน่ารักแล้วยังจิตใจดีอีกด้วย

มาตามสัญญา…อาจจะยาวหน่อยนะคะ แต่ขอให้ตั้งใจอ่านข้อความต่อไปนี้สักหน่อย อ่านด้วยใจที่เป็นกลาง อ่านด้วยใจที่อยากจะคิดหาทางออกของปัญหาป่าต้นน้ำ อ่านด้วยใจที่พร้อมจะลงมือทำอะไรซักอย่างเพื่อร่วมแก้ปัญหานี้ไปด้วยกัน …น้ำจากแม่น้ำน่านคือ 45% ของน้ำที่ไหลมารวมเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของประเทศไทย ภาพเขาหัวโล้นที่เห็นตามข่าวเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ป่าสงวนหลายพื้นที่ได้กลายเป็นดินแห้งดำหลังจากถูกไฟเผาไหม้ ฉันจะไม่พูดถึงสาเหตุเบื้องลึกเบื้องหลัง แต่ฉันอยากบอกคุณทั้งหลายว่าถ้าเรามัวแต่โทษกันไปมาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นความผิดของใคร ฉันคิดว่ามันคงจะสายเกินไป ถ้าเราไม่เริ่มลงมือแก้ปัญหากันอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนนี้ และสิ่งสำคัญที่สุดที่ฉันอยากจะบอกคุณก็คือ การปลูกป่าไม่ได้แก้ปัญหาได้ (ทั้งหมด)

งงใช่ไหมคะ? ฉันเองก็เช่นกัน

สิ่งแรกที่เราควรจัดการอย่างเร่งด่วนที่สุดก็คือ “คน” คนในที่นี้คือ ชาวบ้านในพื้นที่ ควรเร่งให้ความรู้ วิธีการและโอกาส เพื่อทดแทนการเผาป่าสำหรับทำไร่ เคยได้ยินกันอยู่ใช่มั้ย “ปลูกป่า ปลูกคน” คนในพื้นที่เมื่อปากท้องเขาอิ่มและรู้ว่าป่าให้ประโยชน์ต่อเขาอย่างไรบ้าง เขาจะรักและหวงแหนป่า จะเกิดเป็นพลังที่ช่วยดูแลผืนป่าได้เป็นอย่างดี ลำดับต่อมาคือ “น้ำ” เราจะทำอย่างไรให้ภาคเกษตรมีน้ำใช้ตลอดฤดูแล้ง และน้ำไม่ท่วมในฤดูน้ำหลาก ต้องมีการจัดการระบบน้ำที่ดี ฉันไม่ได้หมายถึงการสร้างเขื่อนด้วยการตัดป่าไม้ที่เป็นเสมือนเขื่อนธรรมชาติเพิ่มขึ้นหรอกนะ “ฝาย” ต่างหากที่ฉันกำลังหมายถึง เมื่อมีน้ำและคนดูแลต้นไม้แล้ว ป่าจะฟื้นฟูได้เอง เรียกว่าการปลูกป่าแบบไม่ปลูก เช่นดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วต้นไม้ที่เราจะไปช่วยกันปลูกเสริมเพิ่มเติมก็จะไม่สูญเปล่าเมื่อมีคนดูแล

ทีนี้มาถึงเรื่องสำคัญ พวกเราจะช่วยอะไรได้? ขอแค่เรามีใจ มีจิตสำนึกที่จะช่วยแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง และไม่เห็นแก่ตัวเอง เราจะช่วยกันคิดหาทางแก้ไขเรื่องนี้กันได้อย่างเต็มกำลังความสามารถตามที่แต่ละคนมี…ฉันเชื่ออย่างนั้นนะ เพียงแค่ต้องแก้ให้ตรงจุดเท่านั้นเอง สิ่งหนึ่งที่เราควรทำคือ วางแผนการจัดการร่วมกันกับคนในพื้นที่ เพราะเขาเหล่านั้นรู้ดีที่สุดว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะกับพื้นที่ที่เขาอาศัยอยู่ ไม่จำเป็นต้องทำแค่ที่จังหวัดน่านหรอก ที่ไหนก็ได้ที่เป็นป่าต้นน้ำของไทย หรืออย่างน้อยที่สุด…ขอแค่ช่วยกันประหยัดและตระหนักถึงคุณค่าทรัพยากรที่เราบริโภคทุกวัน ว่าคือหยาดเหงื่อ น้ำตา ชีวิต และอนาคตของพวกเราชาวไทยทุกคนรวมถึงลูกหลานของเราด้วย ช่วยกันนะคะ…ก่อนที่จะสายเกินไป

 

 

Leave a comment