แพทย์แนะคนวัยทำงานใส่ใจ‘ข้อเข่า’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/217449

วันพฤหัสบดี ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
ปวดเข่า ข้อเข่าฝืดหรือติดขัด ได้ยินเสียงดังในเข่า เข่าบวม รู้สึกขาไม่มีกำลังหรือเข่าอ่อน ปวดเข่าเวลาขึ้น-ลงทางชันหรือบันได ปวดเวลานั่งกับพื้น เช่น นั่งพับเพียบ ขัดสมาธิหรือคุกเข่า ปวดเวลาเดินบนพื้นราบ ใครที่กำลังมีอาการเหล่านี้อย่านิ่งนอนใจ เพราะคุณอาจกำลังเสี่ยงต่อการเป็น “โรคข้อเข่าเสื่อม” โดยไม่รู้ตัว ซึ่งหลายคนอาจนอนใจว่าโรคนี้มักเป็นในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ทราบหรือไม่ว่าคนวัยทำงานหรือแม้กระทั่งคนที่อยู่ในวัยรุ่นก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน

นพ.ศริษฏ์ หงษ์วิไล ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่ากรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า เข่าเป็นข้อต่อที่มีความซับซ้อนมากที่สุดข้อหนึ่ง ในร่างกาย เพราะเป็นข้อต่อระหว่างกระดูก ต้นขาและกระดูกหน้าแข้ง ซึ่งเป็นกระดูกส่วนที่ยาวที่สุดของร่างกาย และนอกจากนี้ยังต้องรองรับการหมุน พับ และกางออกตามความต้องการในการเคลื่อนไหวของร่างกายอย่างมาก ซึ่งโดยทั่วไป ข้อเข่าที่เป็นปกติ จะมีช่องว่างระหว่างข้อต่อ

ซึ่งจะมีของเหลวที่มีลักษณะข้นมากบรรจุอยู่เรียกว่า น้ำเลี้ยงข้อ (Synovial Fluid) ซึ่งจะคอยทำหน้าที่เหมือนเบาะรองรับข้อต่อ แต่ในผู้ที่มีอาการข้อเสื่อม น้ำเลี้ยงข้อจะมีความข้นและความยืดหยุ่นลดลงกว่าปกติ ทำให้คุณสมบัติการรองรับแรงกระแทกเมื่อมีแรงกดลงที่ข้อเข่าเสียไป กระดูกอ่อนที่ทำหน้าที่ป้องกันปลายกระดูกของกระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้งจะเกิดการกระทบกระแทกและเสียดสีกัน ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการปวดที่เกิดขึ้น

“สาเหตุหลักของโรคข้อเข่าเสื่อม มาจากการเสื่อมของกระดูกอ่อนบุข้อ ที่เกิดจากการใช้งานหนัก เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมของข้อต่อตามอายุและการใช้งาน ส่วนใหญ่จะพบในผู้สูงอายุ แต่ก็มีปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหลายๆ สาเหตุรวมกัน ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักตัวมาก เป็นโรคอ้วน, ใช้งานข้อเข่ามากเกินไป, มีประวัติเคยประสบอุบัติเหตุบริเวณข้อเข่าอย่างรุนแรง เช่น กระดูกหักข้อเข่า เอ็นข้อเข่าฉีกขาด แหวนรองข้อฉีดขาด, มีประวัติเคยติดเชื้อในข้อเข่า, เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรัง เช่น รูมาตอยด์ หรือ เกาต์”

นพ.ศริษฏ์ หงษ์วิไล

ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่าเพศหญิง มีความเสี่ยงเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากกว่าเพศชาย รวมถึงมีปัจจัยด้านพันธุกรรม ที่หากพบว่าผู้ที่มีพ่อ แม่ หรือญาติพี่น้องเป็นข้อเข่าเสื่อม ก็มีความเสี่ยงเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น การเสื่อมของข้อโดยเฉพาะข้อเข่า แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่หนึ่ง จะมีอาการเจ็บเล็กน้อย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างแต่อาจมีอาการฝืดๆ ขัดๆ, ระยะที่สอง กระดูกอ่อนผิวข้อเริ่มสึกอาจต้องตรวจดูจากเอกซเรย์, ระยะที่สาม ผิวข้อเริ่มขรุขระกระดูกอ่อนผิวข้อเริ่มแตกร่อน มีอาการเจ็บขัดมากขึ้น และระยะที่สี่ กระดูกอ่อนผิวข้อสึกทั่วข้อเข่า ผู้ป่วยจะทรมานมากโอกาสที่ต้องผ่าตัดสูง

“ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม มักจะมีปัญหาอาการปวดเข่า เวลาเดิน นั่งกับพื้น หรือลุกจากนั่ง ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อย ในกรณีที่อาการไม่มาก การปรับเปลี่ยนท่าทางและพฤติกรรม เช่น นั่งกับเก้าอี้แทนการนั่งกับพื้น การใช้แขนช่วยยันตัวขึ้นตอนลุกจากนั่ง หรือการใช้ไม้เท้าช่วยพยุงเวลาเดิน รวมถึงการบริหารกำลังกล้ามเนื้อต้นขา จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมหลายรายกังวลที่จะออกกำลังกาย ให้ออกกำลังกายด้วยวิธีที่ไม่สร้างภาระให้กับข้อเข่า

หลีกเลี่ยงการกระโดด กระแทก การบิดเข่า เป็นต้น สำหรับการออกกำลังกายในน้ำ เช่น ว่ายน้ำ หรือเดินในน้ำ จะช่วยให้ข้อเข่ารับภาระน้อยลงมีการฝึกการเคลื่อนไหวของข้อเข่าได้ดี รวมถึงการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานนั้นสามารถทำได้ การบริหารกำลังกล้ามเนื้อต้นขาโดยไม่ใช้น้ำหนักต้าน เช่น การนั่งเกร็งต้นขาและยกปลายเท้าขึ้น จะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ช่วยบรรเทาอาการปวดได้

สำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บบริเวณข้อเข่าด้านหน้า ซึ่งมีความเสื่อมของข้อสะบ้า ให้หลีกเลี่ยงการลุกนั่ง การก้าวขึ้นที่สูง การออกแรงเหยียดเข่าโดยมีแรงต้าน เป็นต้น เพราะจะทำให้เจ็บและมีการเสื่อมมากขึ้นในกรณีที่มีอาการมาก หรือปรับเปลี่ยนท่าทางหากอาการปวดไม่บรรเทา แนะนำปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย ให้การรักษาและคำแนะนำต่อไป

Leave a comment