ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/215141
กรมส่งเสริมสหกรณ์และหอการค้าไทย เตรียมลงนามความร่วมมือโครงการ“1 หอการค้า 1 สหกรณ์การเกษตร”เพื่อพัฒนาสหกรณ์การเกษตร ตั้งเป้าปีนี้ช่วยสหกรณ์ได้ 100 แห่ง รายได้เพิ่ม 30%
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์มีแผนลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการ“1 หอการค้า 1 สหกรณ์การเกษตร” ร่วมกับหอการค้าไทย เพื่อการพัฒนาสหกรณ์ ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัยต่างๆ เพื่อเข้าไปช่วยเหลือและสนับสนุนกิจการของสหกรณ์การเกษตร 3,800 แห่งทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาผลผลิต และการจัดการด้านการตลาด เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่สหกรณ์การเกษตรและเศรษฐกิจฐานราก
ทั้งนี้สหกรณ์การเกษตรมีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร มีความรู้เฉพาะด้านการเกษตร แต่ยังขาดการพัฒนาด้านการบริหารจัดการ, การตลาด ซึ่งเรื่องดังกล่าวหอการค้าไทยจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือ โดยนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้าไปช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าเกษตรเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ตั้งเป้าหมายที่จะช่วยเหลือสหกรณ์การเกษตรให้ได้ 100 สหกรณ์ภายในปี 2559 และมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ30
ด้านแนวทางการช่วยเหลือหอการค้าไทยจะเข้าไปช่วยยกระดับคุณภาพผลผลิต โดยกำหนดมาตรฐานเพื่อที่เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้ตามมาตรฐานสากล อีกทั้งยังช่วยนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามากำกับดูแลการผลิต มีการเก็บข้อมูลอย่างละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อจะนำข้อมูลต่างๆ มาใช้ในระบบตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อมุ่งเน้นพัฒนาสหกรณ์การเกษตรสู่การเป็นผู้ประกอบการในอนาคต
สำหรับความร่วมมือดังกล่าว จะทำให้การดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งจะสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยองค์กรภาคธุรกิจได้มีส่วนในการสนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์อย่างยั่งยืน ผ่านสหกรณ์ภาพการเกษตร รวมทั้งการเพิ่มผลผลิตและการยกระดับคุณภาพสินค้า การเพิ่มรายได้ และลดต้นทน ในการผลิต และสุดท้ายสามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์ภาคการเกษตร ได้อย่างยั่งยืน
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าขณะนี้การดำเนินการอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อวางแผนการดำเนินการในโครงการดังกล่าว 25 แห่ง ซึ่งมีการดำเนินการร่วมกันระหว่างสำนักงานสหกรณ์จังหวัดกับหอการค้าจังหวัด และสหกรณ์ คือ การเพิ่มช่องทางด้านการตลาดและเพิ่มมูลค่าสินค้า 17 แห่ง รวมทั้งด้านองค์ความรู้และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กร จำนวน 22 แห่ง นอกจากนี้ด้านลดต้นทุนการผลิต จำนวน 1 แห่ง และด้านการพัฒนาการผลิตเกษตรให้มีมาตรฐาน อาทิ GMP และ GAP จำนวน 2 แห่ง คาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2559 การร่วมมือดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้านต่างๆ รวมทั้งยกระดับความสามารถให้กับสหกรณ์การเกษตรและสมาชิกขณะเดียวกันสามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์และหอการค้าไทย
“โครงการดังกล่าว น่าจะเป็นโอกาสที่ดีของสหกรณ์ภาคการเกษตร ที่ฝ่ายธุรกิจยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเปิดทางให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสหกรณ์การเกษตรและสมาชิก เข้าไปประสานความร่วมมือ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับสหกรณ์โดยตรง อยากเห็นสหกรณ์ประสานความร่วมมือกับทางหอการค้าไทยทุกจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำเกษตรกรรม, หัตถกรรม และ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานร่วมกันต่อไปในอนาคต” นายวิณะโรจน์ กล่าว
Nesse caso é aconselhável aconselhar-se certo médico. https://www.communedelerrain.fr/fleurissement-1-9/
LikeLike