ปัญหาเกษตร ที่นี่มีคำตอบ : ปรากฏการณ์เอลนีโญ และลานีญา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/217163

วันจันทร์ ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 19.49 น.
คำถาม ปรากฏการณ์เอลนีโญ และลานีญา มีความหมายและความแตกต่างกันอย่างไรครับ

แสงศร อิติสิทธิกุล

อ.เมือง จ.ขอนแก่น

คำตอบ ปรากฏการณ์เอลนีโญ-ลานีญา หรือเรียกสั้นๆ ว่า ปรากฏการณ์เอนโซ่ (ENSO / EN + SO) เป็นการเรียกรวมของปรากฏการณ์เอลนิโญ่ (El Nino) กับความผันแปรของระบบอากาศในซีกโลกใต้ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ระหว่างปรากฏการณ์ในมหาสมุทร (น้ำ) และบรรยากาศ (ลม) จากการศึกษาผลงานวิจัยและบทความของนักวิชาการที่ทำการศึกษาในเรื่องนี้ พอจะสรุปเป็นความรู้เบื้องต้น ได้ดังนี้

ความแตกต่างระหว่างเอลนีโญและลานีญา

เอลนีโญ เป็นรูปแบบสภาพอากาศที่เกิดขึ้นตลอด ในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน เกิดขึ้นเฉลี่ยทุกห้าปี ลักษณะของเอลนีโญ คือเกิดการเปลี่ยนแปลงในอุณหภูมิผิวน้ำทะเลของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก โดยอุ่นขึ้นผิดปกติ เรียกว่า “เอลนีโญ” หรือเย็นลงผิดปกติ ซึ่งเรียกว่า “ลานีญา” และความดันบรรยากาศบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกเขตร้อน เรียกว่า ความผันแปรของระบบอากาศในซีกโลกใต้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นได้สองกรณีเอลนีโญ จึงเป็นปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิมหาสมุทรอุ่นขึ้นผิดปกติ ประกอบกับความดันบรรยากาศสูงบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตก

ลานีญา เป็นปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิมหาสมุทรเย็นลงผิดปกติ ประกอบกับความดันบรรยากาศต่ำบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตก กลไกที่ทำให้เกิดความผันแปรดังกล่าว ยังคงอยู่ในระหว่างการศึกษา

เอนโซ่ ก่อให้เกิดสภาพอากาศเลวร้าย เช่น อุทกภัย ภัยแล้ง หรือการรบกวนสภาพอากาศในหลายภูมิภาคของโลก ประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งมีเศรษฐกิจเน้นเกษตรกรรมและการประมง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่อยู่ในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนใหญ่แล้ว ความผันแปรของระบบอากาศในซีกโลกใต้ มักถูกเรียกย่อเหลือเพียง “เอลนีโญ” เนื่องจากมีการสังเกตว่าความอุ่นขึ้นผิดปกตินี้ มักเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ลักษณะที่เกิดจากเอนโซ่เป็นไปได้ว่าก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอันเป็นผลกระทบของปรากฏการณ์โลกร้อน และเป็นเป้าหมายสำหรับนักวิจัยในการนี้

โดยปกติ บริเวณเส้นศูนย์สูตรเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก ลมสินค้าตะวันออก จะพัดจากประเทศเปรู ซึ่งอยู่ชายฝั่งทวีปอเมริกาใต้ ไปทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก แล้วยกตัวขึ้นบริเวณเหนือประเทศอินโดนีเซีย ทำให้มีฝนตกมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปออสเตรเลียตอนเหนือ กระแสลมสินค้า จะพัดให้กระแสน้ำอุ่นบนพื้นผิวมหาสมุทรแปซิฟิกไปกองรวมกันทางตะวันตก จนมีระดับสูงกว่าระดับน้ำทะเลปกติ แล้วจมตัวลง กระแสน้ำเย็นใต้มหาสมุทรซีกเบื้องล่างเข้ามาแทนที่กระแสน้ำอุ่นพื้นผิวซีกตะวันออก นำพาธาตุอาหารจากก้นมหาสมุทรขึ้นมา ทำให้ปลาชุกชุม เป็นประโยชน์ต่อนกทะเล และการทำประมงชายฝั่งของประเทศเปรู

ปรากฏการณ์เอลนีโญ เมื่อเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ กระแสลมสินค้าตะวันออกอ่อนกำลังลง กระแสลมพื้นผิวเปลี่ยนทิศทาง พัดจากประเทศอินโดนีเซีย และออสเตรเลียตอนเหนือ ไปทางตะวันออก แล้วยกตัวขึ้นเหนือชายฝั่งทวีปอเมริกาใต้ ก่อให้เกิดฝนตกหนัก และแผ่นดินถล่มในประเทศเปรูและประเทศเอกวาดอร์ กระแสลมพัดกระแสน้ำอุ่นบนพื้นผิวมหาสมุทรแปซิฟิก ไปกองรวมกันบริเวณชายฝั่งประเทศเปรู ทำให้กระแสน้ำเย็นใต้มหาสมุทร ไม่สามารถลอยตัวขึ้นมาได้ ส่งผลกระทบให้บริเวณชายฝั่งขาดธาตุอาหารสำหรับปลา และนกทะเล ชาวประมงจึงขาดรายได้

เอลนีโญ ทำให้ฝนตกหนักในตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้ แต่ยังก่อให้เกิดความแห้งแล้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลียตอนเหนือ การที่เกิดไฟไหม้ป่าอย่างรุนแรงในประเทศอินโดนีเซีย ก็เป็นเพราะปรากฏการณ์เอลนีโญเช่นกัน

ลานีญา เป็นปรากฏการณ์บรรยากาศมหาสมุทรคู่กัน ซึ่งเกิดขึ้นคู่กับเอลนีโญอันเป็นส่วนหนึ่งของเอลนีโญ ความผันแปรของระบบอากาศในซีกโลกใต้ ในช่วงที่เกิดลานีญาอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลตลอดจนมหาสมุทรแแปซิฟิกตอนกลางตะวันออก แถบเส้นศูนย์สูตรจะต่ำกว่าปกติ

ลานีญา หรือเรียกว่า “แอนติเอลนีโญ” เป็นปรากฏการณ์ตรงกันข้ามกับเอลนีโญ ซึ่งปรากฏการณ์เอลนีโญนี้ จะเป็นช่วงที่อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อย 0.5 ํC และผลกระทบของลานีญามักจะตรงกันข้ามกับของเอลนีโญ เอลนีโญเป็นปรากฏการณ์ที่มีชื่อเสียง เนื่องจากสามารถมีผลกระทบร้ายแรงต่อสภาพอากาศของทั้งชายฝั่งชิลี เปรู และออสเตรเลีย รวมทั้งอีกหลายประเทศ ลานีญามักเกิดขึ้นหลังปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรง

นาย รัตวิ

Leave a comment