ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/217327
ผมได้รับบทความจากคุณอนันต์ ดาโลดมนายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทยเขียนตั้งข้อสงสัยในหัวข้อเรื่องว่า“เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือไทย-แพน : กำลังทำอะไร” อ่านแล้วก็ต้องเอามาเขียนถึงหน่อย
เรื่องนี้สืบเนื่องจากองค์กรเอกชน“ไทย-แพน”แถลงข่าวผลสุ่มตรวจผัก-ผลไม้ทั่วไปและผัก-ผลไม้ที่ได้รับเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน Q กับ Organic Thailandพบสารตกค้างเกินมาตรฐานจำนวนมากเกินครึ่งของตัวอย่างทั้งหมด บางตัวเช่น พริกแดงพบสารตกค้าง 100% เลย ทำให้เกิดการตอบโต้กับสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาต ิ(มกอช.)และ กรมวิชาการเกษตร ถึงขนาดมีการฟ้องร้อง เป็นข่าวต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นพ.ค.
บทความคุณอนันต์สรุปได้ว่าการนำเสนอข้อมูลดังกล่าวดูเสมือนไทย-แพนเจตนาดีจะปกป้องผู้บริโภค แต่ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบมากทุกมิติต่อภาคเกษตรไทย คือ เกษตรกรผู้ปลูกผักผลไม้หรือผู้ผลิตกลายเป็นผู้ร้ายทันที ส่วนหน่วยงานรัฐที่รับรองมาตรฐาน GAP หรือเกษตรอินทรีย์และควบคุมกำกับดูแล ก็ทำงานใช้ไม่ได้ ขณะที่ผู้จำหน่ายทั้งในตลาดและในห้างก็ขายสินค้าไม่ได้คุณภาพ ที่สำคัญภาพลักษณ์ประเทศไทยในการผลิตผัก ผลไม้ เสียหาย ทำให้ต่างประเทศที่เป็นผู้นำเข้า อาจมีมาตรการเข้มงวดกวดขันมากยิ่งขึ้น
คุณอนันต์ตั้งข้อสงสัยต่อไทย-แพนหลายประเด็น เช่น การสุ่มเก็บกลุ่มตัวอย่างที่วิเคราะห์น้อยมาก ในแง่สถิติไม่สามารถเป็นตัวแทนผักผลไม้ที่วางจำหน่ายทั้งประเทศได้ตัวเลขที่ออกมาจึงไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ยังเห็นว่า ข้อมูลที่อ่อนไหว มีผลกระทบต่อภาคเกษตรและผู้เกี่ยวข้องอีกมากเช่นนี้ สมควรหรือไม่ที่จะหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจะแถลงข่าวข้างเดียว ทั้งสงสัยที่ไทย-แพนอ้างว่า ได้ส่งตัวอย่างที่สุ่มเก็บไปตรวจวิเคราะห์ที่ประเทศอังกฤษ แต่ไม่บอกเป็นห้องแล็บที่ไหนของภาครัฐหรือเอกชน ทั้งการไปตรวจถึงอังกฤษต้องใช้เงินมาก ไม่ทราบได้งบฯจากที่ใด ทำไมไม่ตรวจจากห้องแล็บที่น่าเชื่อถือและเป็นกลางในไทยตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่มีอยู่
รวมถึงมองว่า ไทย-แพนเชื่อมโยงกับกลุ่ม NGO ที่มักออกมาให้ข้อมูลเชิงลบต่อภาคเกษตรไทยตลอด โดยเฉพาะภาคเกษตรที่ใช้สารเคมี โดยไม่เห็นใจต่อเกษตรกรไทยที่ยากลำบากต้องเผชิญวิกฤติต่างๆ ในเวลานี้ ทำให้คุณอนันต์สนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องฟ้องไทย-แพน และอยากให้หน่วยงานรัฐเข้ามาตรวจสอบ NGO เหล่านี้เพื่อประโยชน์ต่อความมั่นคงทางด้านแพนก่อเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของประเทศไทยต่อไปในอนาคตด้วย
ครับ นี่เป็นมุมมองของคุณอนันต์ที่น่ารับฟัง และก็สอดคล้องกับทิศทางกรมวิชาการเกษตรและมกอช.ดำเนินการอยู่ แต่เพื่อความเป็นธรรม ลองฟังฝ่ายไทย-แพนบ้าง
ก่อนหน้านี้ไทย-แพนที่ได้ตอบโต้กับหน่วยงานรัฐ ก็พูดถึงหลายประเด็นโดยยืนยันว่าตลอด 4 ปีที่ดำเนินการตรวจสอบสารเคมีตกค้างในผัก-ผลไม้ เพื่อสร้างระบบอาหารที่ปลอดภัย ชี้ปัญหาให้สังคมรับรู้ถึงความไม่ปลอดภัยในอาหาร ทั้งนี้การสุ่มตรวจเป็นการ“เฝ้าระวัง”มิใช่งานวิจัยเพื่อเสนอภาพรวมปัญหาการปนเปื้อนของประเทศ จึงไม่ใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวนมาก และการ“เฝ้าระวัง”ของหน่วยงานรัฐ เช่น อย.-คณะกรรมการอาหารและยา เป็นต้น ก็สุ่มตัวอย่างที่ไม่แตกต่างนักกับไทย-แพน
การสร้างระบบเฝ้าระวังได้ศึกษาจากต่างประเทศที่จะตรวจสม่ำเสมอ มีมาตรฐาน เปิดเผยต่อสาธารณะ ครอบคลุมวงกว้าง ดำเนินการฉับพลันทันที สิ่งนี้อยากเห็นเกิดขึ้นในประเทศไทย อยากเห็นหน่วยงานราชการสร้างระบบเฝ้าระวังที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ผู้ประกอบการที่จ้องทำผิด ก็ระวังตัว ทั้งอ้างผลศึกษาพบการทำงานตรวจสอบมาตรฐานของกรมวิชาการเกษตรยังไม่โปร่งใสหลายประเด็น จึงได้ฟ้องกรมวิชาการเกษตรต่อศาลปกครอง ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่
ครับ ก็เป็นเหตุผลที่ต้องรับฟังเหมือนกัน
ไม่ว่าไทย-แพนหรือหน่วยงานรัฐ ถ้าทำตามหน้าที่โดยไม่มีอะไรแอบแฝงทุกอย่างจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แม้บางครั้งระหว่างหน่วยงานที่ต้องดูแลผู้ผลิตกับองค์กรที่ต้องดูแลผู้บริโภคอาจ“ไม่ลงรอย”กันบ้าง แต่ถ้ายึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้งกันจริงๆ หันหน้าหาทางออกที่พอ”วิน-วิน”ร่วมกันได้ น่าจะดีกว่าไหม
สาโรช บุญแสง
