ปรับนาฬิกาชีวิต พิชิตโรคร้าย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/626583

โดย มิสแซฟไฟร์ 28 พ.ค. 2559 05:01

 

ต่อเนื่องจากอาทิตย์ก่อน เขียนค้างไว้เรื่องการทำนายโรคจากดวงเกิด เพื่อให้รู้เท่าทันโรคเท่าทันตัวเอง แพทย์แผนจีนเชื่อค่ะว่า อวัยวะตันทั้งห้า คือ หัวใจ, ตับ, ม้าม, ปอด และไต มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอวัยวะกลวงทั้งหก คือ ถุงน้ำดี, กระเพาะอาหาร, ลำไส้เล็ก, ลำไส้ใหญ่, กระเพาะปัสสาวะ และอกกับช่องท้อง นั่นก็หมายความว่า หัวใจสัมพันธ์กับลำไส้เล็ก, ตับสัมพันธ์ถุงน้ำดี, ม้ามสัมพันธ์กระเพาะอาหาร, ปอดสัมพันธ์ลำไส้ใหญ่ และไตสัมพันธ์กับกระเพาะปัสสาวะ ถ้าเกิดความผิดปกติกับอวัยวะใดก็ย่อมสะท้อนให้เห็นความเปลี่ยนแปลงซึ่งกันและกัน

ตามตำรับตำราของ “อาจารย์โหลวจงเลี่ยง” นายกสมาคมเวชศาสตร์และสุขภาพ แพทย์แผนจีนแห่งไต้หวัน ถอดรหัสชีวิตว่า คนที่เกิดปี ค.ศ.ลงท้ายด้วยเลข 0 และ 7 “ตับ” เป็นอวัยวะอ่อนแอสุด จึงเสี่ยงเป็นโรคตับและถุงน้ำดีแต่กำเนิด นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน, ภาวะเลือดจาง, เส้นประสาทอักเสบ, โรคต่อมไทรอยด์, เนื้องอกในมดลูก รวมถึงโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้ ลองว่าตับอ่อนแอแล้ว โรคสารพัดก็รุมเร้า

คนเกิดปี ค.ศ.ลงท้ายด้วยเลข 1 และ 4 จุดอ่อนอยู่ที่ “ไต” สัมพันธ์กับ “กระเพาะปัสสาวะ” โดยไตมีหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโต, การสืบพันธุ์, การทำงานของไขกระดูก, ไขสันหลัง, สมอง, เส้นผม, หู, กระดูก และฟัน คนที่ไตไม่แข็งแรงมีแนวโน้มบวมน้ำ เป็นโรคไตอักเสบ และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เสี่ยงเป็นโรคระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคเอสแอลอี และข้ออักเสบรูมาตอยด์ รวมถึงโรคเลือดต่างๆ เช่น ภาวะเลือดจาง, หลอดเลือดอุดตัน และทาลัสซีเมีย

สำหรับคนเกิดปี ค.ศ.ลงท้ายด้วยเลข 2 และ 9 เฝ้าระวัง “ม้าม” ให้ดี ปัญหาพบบ่อยเกี่ยวข้องกับโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งในกระเพาะและลำไส้ นอกจากนี้ร่างกายยังเผาผลาญช้า มีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม เช่น นิ่ว, เบาหวาน, โรคเกาต์ และโรคระบบประสาท

คนเกิดปี ค.ศ.ลงท้ายด้วยเลข 3 และ 6 ต้องจับตา “หัวใจ” ถือเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย หัวใจสัมพันธ์กับลำไส้เล็ก คนที่หัวใจอ่อนแอมีแนวโน้มเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจผิดปกติ และยังเสี่ยงโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ, โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน และโรคซึมเศร้า อาการบ่งชี้คือนอนไม่หลับ, ฝันบ่อย, ขี้ลืม, เหงื่อออกง่าย, ปัสสาวะกะปริบกะปรอย

คนเกิดปี ค.ศ.ลงท้ายด้วยเลข 5 และ 8 มีจุดอ่อนอยู่ที่ “ปอด” ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบหายใจทั้งหมด และยังสัมพันธ์กับลำไส้ใหญ่ ถ้าปอดอ่อนแอตั้งแต่เกิด ก็เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปอดและมะเร็งลำไส้ใหญ่, โรคในช่องปาก, โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ และโรคภูมิแพ้ต่างๆ

“อาจารย์โหลว” ยังแนะนำเทคนิคบำรุงสุขภาพจากเส้นลมปราณ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินของพลังชีวิต หรือ “ชี่” เป็นพลังชีวิตอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ถ้าที่ใดขาด “ชี่” ก็จะสูญเสียสมรรถภาพ ทำให้อวัยวะส่วนนั้นเจ็บป่วย ร่างกายคนเรามีเส้นลมปราณหลัก 12 เส้น เพียงใช้ชีวิตและพักผ่อนตามกำหนดเวลาการเดินของเส้นลมปราณอย่างเหมาะสม เส้นลมปราณก็จะโปร่งโล่ง ชี่เลือดไหลเวียนได้ดี และไม่เจ็บป่วยง่าย หลักการเดียวกับนาฬิกาชีวิตของโลกตะวันตก

เส้นลมปราณลำไส้ใหญ่เริ่มทำงานเวลาตีห้าถึง 7 โมงเช้า เวลานี้เหมาะแก่การขับถ่ายเพื่อป้องกันอุจจาระตกค้าง ขณะที่เส้นลมปราณกระเพาะอาหารมีพลังสุดตอน 7-9 โมงเช้า ควรกินอาหารเช้า พอถึงเวลา 9 โมงเช้า ถึง 11 โมงเช้า เป็นเวลาทำงานของเส้นลมปราณม้าม ควรหลีกเลี่ยงการนั่งนานๆ เพราะทำให้ชี่เลือดไหลเวียนช้าลง เมื่อนาฬิกาเดินไปที่เข็ม 11 นาฬิกา ถึงบ่ายโมง เส้นลมปราณหัวใจจะโลดเต้นทำงาน จึงเป็นชั่วโมงงีบหลับเพื่อชาร์จแบต

เส้นลมปราณลำไส้เล็กคึกคักที่สุดตอนบ่ายโมงถึงบ่ายสามโมง เป็นเวลากินอาหารกลางวันดีที่สุด ส่วนเวลาบ่ายสามถึงห้าโมงเย็น ต้องยกให้กระเพาะปัสสาวะ ควรดื่มน้ำมากๆเพื่อขับปัสสาวะ และเป็นเวลาเหมาะแก่การออกกำลังกายด้วย คนที่ไตอ่อนแอควรใส่ใจช่วงเวลาห้าโมงเย็นถึงทุ่มตรง เพราะเป็นเวลาเส้นลมปราณไตทำงาน แนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด หรือเผ็ดร้อนเกินไป การออกกำลังกายเป็นเรื่องดี แต่ห้ามออกกำลังกายหักโหม หรือกินอาหารในช่วงทุ่มตรงถึงสามทุ่ม เพราะเส้นลมปราณเยื่อหุ้มหัวใจกำลังทำงานหนัก

ถ้าเป็นไปได้เข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม ไม่เกิน 5 ทุ่ม จะดีเลิศ เพราะเป็นเวลาชี่ของเส้นลมปราณอกกับช่องท้องมีพลัง ยิ่งเป็นคนมีจุดอ่อนอยู่ที่ถุงน้ำดีและตับ ต้องพยายามหลับลึกให้ได้ในช่วง 5 ทุ่มถึงตีหนึ่ง เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเส้นลมปราณตับที่จะเริ่มปรับพลังชี่ของอวัยวะต่างๆในช่วงตีหนึ่งถึงตีสาม การนอนดึกเป็นอันตรายต่อตับ การตื่นนอนกลางดึกก็เป็นอันตรายต่อปอด โดยเฉพาะเวลาตีสามถึงตีห้า ซึ่งเส้นลมปราณปอดกำลังลำเลียงเลือดใหม่ไปเลี้ยงทั่วร่างกาย

ให้เวลาตัวเองสังเกตร่างกายสักนิด แล้วจะรู้ว่าสุขภาพแข็งแรงได้ ถ้ารู้ทันโรค ก็ป้องกันโรคได้.

มิสแซฟไฟร์

Leave a comment