ครั้งแรกในเมืองไทยโครงการตามพระราชดำริฯ ผลิต‘คาเวียร์’จากปลาสเตอร์เจียนภายใต้ชื่อ‘ศิลปาชีพ’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/219253

วันจันทร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ดร.สมชาย ธรณิศร, ดร.จรัลธาดา กรรณสูต,ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ, ชลาลักษณ์ บุนนาค และ เชฟแอร์เว่ เฟรราด์

เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ  เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ โดยการสนับสนุนของบริษัท สยามสินธร จำกัด จัดงานแถลงข่าว “A Spoonful of Love : ช้อน…รัก” เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากโครงการตามพระราชดำริฯ ที่ประสบผลสำเร็จในการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์ที่เป็นอาหารโปรตีน อาทิ ห่านหัวสิงห์ ปลาเทราต์ และปลาสเตอร์เจียน รวมถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ล่าสุด คือ การผลิตคาเวียร์จากปลาสเตอร์เจียน ได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งจัดจำหน่ายภายใต้ชื่อ “ศิลปาชีพ” โดยจะวางจำหน่าย ณ ร้านโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลาด อ.ต.ก. ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจากเชฟแอร์เว่ เฟรราด์ มาร่วมสาธิตเมนูจากวัตถุดิบของศิลปาชีพในสไตล์ฝรั่งเศส ณ คาเฟ่ ปารีเซียง เดอะกลาสเฮ้าส์แอทสินธร ถนนวิทยุ

ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ได้ถวายงานตามเสด็จฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นอกจากการส่งเสริมเรื่องศิลปหัตถกรรมต่างๆ แล้ว พระองค์ท่านทรงห่วงใยไปถึงการทำมาหากินของราษฎรในด้านอื่นๆ โดยเฉพาะการสร้างงาน สร้างรายได้ตลอดจนการสร้างแหล่งอาหารในชุมชน ควบคู่ไปกับการรักษาป่า ซึ่งเป็นที่มาของโครงการตามพระราชดำริฯ อาทิ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ โครงการฟาร์มตัวอย่าง และ สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง เป็นต้น

เชฟแอร์เว่ เฟรราด์ โชว์เมนูที่ทำจากวัตถุดิบของศิลปาชีพในสไตล์ฝรั่งเศส

“โครงการต่างๆ เหล่านี้ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้ และแหล่งความรู้ด้านการเกษตรแก่ราษฎร อีกทั้ง ยังเป็นแหล่งผลิตอาหาร ทั้งผลิตภัณฑ์จากข้าว พืชผัก สมุนไพร และการเลี้ยงสัตว์ชนิดต่างๆ ซึ่งก่อประโยชน์มากมาย สมดังพระราชปณิธานของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่จะให้ราษฎรมีแหล่งอาหารอันบริบูรณ์ รักถิ่นฐานบ้านเกิด ช่วยกันปกปักรักษาทรัพยากรในพื้นที่ และดำรงชีพอยู่ได้อย่างมั่นคง พอเพียงและยั่งยืน”

ด้าน ดร.จรัลธาดา กรรณสูต ที่ปรึกษาสำนักราชเลขาธิการ เผยถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของโครงการตามพระราชดำริฯ ว่า “จากการที่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงมีความห่วงใยสถานการณ์ชายแดนบริเวณดอยดำ จึงได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพื้นที่เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2545 ณ จุดสูงสุดของยอดดอยดำ ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแห จังหวัดเชียงใหม่ และได้มีพระราชดำริให้จัดตั้ง “โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่” ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 161,850 ไร่ ทรงมีรับสั่งถามตน ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมประมงว่า “ในลำธารมีปลาอะไรบ้าง พอจะหากินได้หรือไม่”ในขณะนั้นชาวบ้านได้กราบบังคมทูลว่า พื้นที่บริเวณนั้นน้ำเย็นจัด และอยู่สูงมากทำให้ปลาขึ้นมาไม่ค่อยถึง สมเด็จพระนางเจ้าฯ จึงมีรับสั่งต่อคณะผู้ติดตามว่า “เราจะทดลองเลี้ยงปลาน้ำเย็นที่จะนำมาจากต่างประเทศดีไหม เลี้ยงได้ไหม จะเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมไหม” จากพระราชประสงค์ที่ให้หาพันธุ์ปลาที่เหมาะสมกับอุณหภูมิของน้ำจึงปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญชาวแคนาดา เขาแนะนำพันธุ์ปลาเรนโบว์เทราต์ที่ทนอากาศร้อนได้ดีที่สุด คือไม่เกิน 20 องศาเซลเซียส จึงนำไข่ปลามาฟัก ที่โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริ ดอยดำ ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่ด้วยต้นทุนในการผลิตสูงมาก จึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการให้ชาวบ้านเลี้ยงเพื่อส่งขายเป็นรายได้ และนำเงินที่ได้ไปซื้อโปรตีนอื่นที่ราคาถูกกว่า และหาได้ง่ายกว่ามารับประทานแทน ต่อมาในปี พ.ศ.2550 ได้มีพระราชดำริให้ศึกษาพันธุ์ปลาต่างประเทศชนิดอื่นมาเพาะเลี้ยงเพิ่มเติม

คาเวียร์ จากปลาสเตอร์เจียน ภายใต้ชื่อ “ศิลปาชีพ”

ด้วยความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ สหพันธรัฐรัสเซียได้ทูลเกล้าฯ ถวายไข่ปลาไซบีเรียนสเตอร์เจียน และพระราชทานให้กรมประมงนำไข่มาฟักที่โรงเพาะฟักบนดอยอินทนนท์ และนำไปทดลองเลี้ยงที่โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริ ดอยดำ ด้วยสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี ทำให้สามารถเพาะพันธุ์ปลาสเตอร์เจียนได้สำเร็จเป็นแห่งแรกในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากใช้เวลาเพาะเลี้ยงกว่า 8 ปีจึงได้ผลผลิตที่สำคัญคือ คาเวียร์จากปลาสเตอร์เจียน ซึ่งเป็นอาหารราคาแพงและมีชื่อเสียงระดับโลก นอกจากนี้ เนื้อปลาสเตอร์เจียนก็สามารถนำมาบริโภคได้ ทั้งรสชาติดีไม่คาว และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกด้วย”

เนื้อปลาสเตอร์เจียนจากโครงการตามพระราชดำริฯ

ดร.สมชาย ธรณิศร ผู้อำนวยการสำนักงานโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เผยว่า “ด้วยความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทย-จีน ในปี 2551 สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ทูลเกล้าฯ ถวายไข่ห่านหัวสิงห์ จำนวน 100 ฟอง เพื่อทรงใช้ในโครงการตามพระราชดำริฯ โดยพระราชทานให้กรมปศุสัตว์นำไปดำเนินการฟักไข่ และทดลองเลี้ยงในโครงการฟาร์มตัวอย่างบ้านยางกลาง จังหวัดอ่างทอง จนสามารถเพาะพันธุ์เองได้ และเจริญเติบโตได้ดีในทุกภาคของประเทศไทย อีกทั้งเป็นห่านพันธุ์หนึ่งที่มีน้ำหนักมากที่สุดในโลก โดยเพศผู้โตเต็มที่จะมีน้ำหนัก 10-12 กิโลกรัม ส่วนเพศเมียหนัก 8-9 กิโลกรัม สามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้งแบบตะวันออกและตะวันตก”

 

Leave a comment