ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/219232
นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานประสบผลสำเร็จในการจัดทำ “โครงการสาธิตการทํานาแบบเปียกสลับแห้ง”(แกล้งข้าว) เพื่อขยายผลองค์ความรู้ด้านการใช้น้ำในการทํานาอย่างประหยัดในพื้นที่นำร่อง 4 แห่ง ได้แก่ พื้นที่ชลประทานของโครงการชลประทานเชียงใหม่ โครงการส่งน้ำและบํารุงรักษาแม่แตง จ.เชียงใหม่ โครงการชลประทานอุบลราชธานี และโครงการส่งน้ำและบํารุงรักษาโดมน้อย จ.อุบลราชธานี
ทั้งนี้การทำนาแบบเปียกสลับแห้งจะช่วยให้เกษตรกรลดปริมาณการใช้น้ำลง ดังที่กรมชลประทานได้ทดลองปลูกข้าวเหนียวอายุ 5 เดือนในพื้นที่ชลประทานของอ่างเก็บน้ำแม่โกร๋น อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ซึ่งปกติจะใช้น้ำประมาณ 1,500 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อไร่ แต่เมื่อทำนาแบบเปียกสลับแห้งมีการใช้น้ำประมาณ 1,170 ลบ.ม.ต่อไร่ ลดการใช้น้ำลงประมาณร้อยละ 28 อีกทั้งผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นจาก 712 กิโลกรัมต่อไร่ เป็น 845 กิโลกรัมต่อไร่ หรือร้อยละ 18 ส่งผลให้เกษตรกรมายได้เพิ่มขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น
ดังนั้นเพื่อขยายผลการทํานาแบบเปียกสลับแห้งไปสู่เกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม กรมชลประทานจึงได้กำหนดนโยบาย “1 โครงการ 1 พื้นที่ตัวอย่าง” โดยให้โครงการชลประทานและโครงการส่งน้ำและบํารุงรักษาทั่วประเทศ จัดหาพื้นที่ในเขตที่รับผิดชอบทํานา 2 รอบแบบเปียกสลับแห้ง ตั้งแต่ฤดูทำนารอบที่ 2 ปี 2559/2560 โดยตั้งเป้าขยายผลให้เกษตรกรหันมาทำนาด้วยวิธีนี้เพิ่มขึ้นให้มากที่สุด
“ปัจจุบันการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำใหม่ๆ ทำได้ยากขึ้นและต้องใช้ระยะยาวนาน ประกอบกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป ปัญหาการขาดแคลนน้ำเกิดบ่อยขึ้น แต่ความต้องการใช้น้ำในภาคส่วนต่างๆ เพิ่มขึ้นตลอดเวลา ดังนั้น หากภาคการเกษตรโดยเฉพาะการทำนารอบ 2 ลดปริมาณการใช้น้ำลง จะทำให้ในอนาคตมีปริมาณน้ำเพื่อสนับสนุนกิจกรรมการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งเพิ่มขึ้น ปัญหาการขาดแคลนน้ำจะลดลง” นายสุเทพ กล่าว