ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/219229
เกษตรบูรณาการสัปดาห์นี้ มาติดตามเรื่องของการทำงานในกระทรวงเกษตรฯ เรื่องปัญหาที่ดินทำกิน ที่เป็นปัญหาคาใจของสังคมว่า ผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรฯ ว่าจริงใจแค่ไหนกับปัญหาภายในกระทรวงเกษตรฯงานนี้ถือเป็นการวัดใจระหว่างข้าราชการที่ใกล้เกษียณ อย่างเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือ ส.ป.ก. “สรรเสริญ อัจจุตมานัส” ในฐานะนักกฎหมายที่ทำวิทยานิพนธ์ เรื่องปัญหา ส.ป.ก. และมานั่งเป็นเลขา ส.ป.ก. ก่อนทิ้งทวนจากตำแหน่งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และรมว.เกษตรฯ “ฉัตรชัย สริกัลยะ” กับการสะสางปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่ ส.ป.ก. ในประเด็นที่มีการบุกรุกครอบครอง โดยกลุ่มนายทุนที่ไม่ใช่เกษตรกรว่ากันว่า มีการถือครองที่ดินแปลงใหญ่ รวมเกินกว่า 500 รายซึ่งที่ผ่านา มีการตรวจเบื้องต้นพบว่ามีการถือครองผิดกฎหมายเป็นแปลงเกินกว่า 500 ไร่ ในพื้น 34 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวนกว่า 563 รายเป็นพื้นที่ 540,351 ไร่และจังหวัดนครราชสีมา มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 170 แปลงรองลงมา คือ จังหวัดกำแพงเพชร 70 แปลงจังหวัดสระแก้ว ประมาณ 40-50 แปลง
ที่สำคัญหลังลุยรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่กับผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา หวังให้เป็นแนวทางแก้ปัญหาวังน้ำเขียวโมเดล เมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน “สรรเสริญ” ย้ำว่าปัญหาที่เกิดขึ้นสะสมมาตั้งแต่ปี 2536 ที่เป็นรัฐบาลการเมืองจึงไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ เมื่อมาเป็นรัฐบาลทหารที่มีอำนาจเต็มก็เห็นว่าน่าจะแก้ปัญหาได้แบบเบ็ดเสร็จหากใช้มาตรา 44 จากนี้ไปคงขึ้นอยู่กับท่านนายกรัฐมนตรี “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” เพราะหากไม่สามารถแก้ปัญหาได้จบในครานี้ จะไม่มีโอกาสแก้ปัญหาได้อีกเลยในรัฐบาลปกติ
จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ตรวจสอบซ้ำอย่างละเอียด ก่อนที่จะทำแผนที่แนบท้ายเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เพื่อเสนอนายกฯใช้มาตร 44 กับกลุ่มผู้ถือครองที่ดินโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมีเส้นตาย ไว้ที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา และคาดว่าเรื่องนี้ หากไม่มีอะไรผิดพลาด จากนี้ไปท่านรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ที่ชื่อ “ฉัตรชัย” คงจะเสนอรายละเอียดต่อนายกรัฐมนตรีในวันอังคารนี้ ว่าจะเอาอย่างไรกับการใช้มาตรา44 เข้าจัดการนายทุนรายใหญ่ ที่ฮุบที่ส.ป.ก.มานาน และจะจัดการสังคายนา คนในพื้นที่ ส.ป.ก. อย่างไร ส่วนที่เป็นปัญหา ซึ่งคงว่าไปตามท้องเรื่องบอกตรงว่า หากจริงใจในการแก้ปัญหาคงเห็นอะไรดีๆจากนี้ไป ที่สำคัญบอกตรงๆ มันหยิกเล็บคงต้องทนเจ็บเนื้อไม่น้อย…
มาอีกเรื่องที่เป็นปัญหา ที่ต้องสะสางเช่นเดียวกันมันคงหนีไม่พ้น เรื่องของยางพารา ทั้งขบวนการ หลังจากมีการแต่งตั้งผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. คนใหม่“ธีธัช สุขสะอาด” อดีตผู้อำนวยการองค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่ากยท. เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องด่วนจะต้องสะสางคงหนีไม่พ้น เรื่องของการจัดรูปแบบวางระบบองค์กรและเรื่องยาง ในสต๊อก ซึ่งในส่วนการวางระบบ ก็ว่ากันไปตามหลักการตามท้องเรื่องที่ต้องสะสางปัญหาภายในองค์กร ให้จบ ให้เร็ว โดยไม่ควรจะเกรงอกเกรงใจใคร เพื่อโชว์กึ๋นผู้ว่าฯ กยท. คนใหม่คนแรกของประเทศไทย ว่าของจริงหรือ แค่ราคาคุย ต้องวัดกันที่ผลงาน ที่สำคัญ แว่วว่า วันนี้เริ่มมีการขยับเรื่องการการตรวจสต๊อกยางภายในโกดัง ที่เก็บมานานหลายชั่วอายุคน ไม่รู้ว่า ใครหมกเอาไว้กันบ้างที่แน่ๆ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกันยุ่บยั่บ ใครเป็นใครไปล้วงกันเอาเอง
ที่แน่ๆ วันนี้มีสายข่าวบอกว่า ยางที่ยัดเอาไว้ในโกดังมาหลายปีดีดัก ทั้งดีทั้งไม่ดี เท่าที่มีการตรวจสอบเบื้องต้น หายไปเป็นหมื่นตันส่วนจะกี่หมื่นตัน คงเป็นเรื่องที่ กยท. จะแจงสังคมเอง นะขอรับ ท่านผู้ว่า “ธีธัช” ที่แน่ๆ เริ่มมีให้เห็นว่า มีการทำงานเชิงรุก จนต้องมีการโยกย้าย เจ้าหน้าที่บางคนจากใต้ไปโผล่ที่อีสาน เรื่องที่พบว่ามีมูลว่าส่อไปยังทุจริตเกี่ยวกับปุ๋ย นั่นไม่รวมถึงขบวนการซื้ออะไรนะทิ้งทวนก่อนอำลาตำแหน่งของใครบางคน ก่อนได้ผู้ว่าฯตัวจริง เท็จจริงอย่างไง แจงออกมานะขอรับท่านๆ
ราชดำเนิน
