ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/222530
วันอาทิตย์ ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 11.32 น.
26 มิ.ย.59 นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมหม่อนไหม เปิดเผยว่า จากการที่กรมหม่อนไหมได้ดำเนินโครงการศึกษาวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตไหมไทยทั้งห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่การผลิตไข่ไหม การผลิตรังไหม การผลิตเส้นไหม จนถึงขบวนการทอผ้าไหม เพื่อให้เกษตรกรได้รับทราบถึงต้นทุนการผลิตที่แท้จริง เพื่อจะได้ปรับลดต้นทุนลงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ผลการศึกษาพบว่า การผลิตไข่ไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน 5 พันธุ์ ที่มีศักยภาพและเกษตรกรนิยมเลี้ยง ได้แก่ พันธุ์นางสิ่ว พันธุ์นางตุ่ย พันธุ์สำโรง พันธุ์ลูกผสมนางสิ่วกับนางตุ่ย และพันธุ์ทับทิมสยาม มีต้นทุนการผลิตแตกต่างกันไป โดยเฉลี่ยต้นทุนการผลิตอยู่ที่ ประมาณ 250 บาท/แผ่น (หนึ่งแผ่นมีจำนวนไข่ไหม ประมาณ 22,000 ฟอง) ขณะที่ต้นทุนการผลิตไข่ไหมพันธุ์ไทยลูกผสม 3 พันธุ์ คือ พันธุ์ดอกบัว พันธุ์เหลืองไพโรจน์ และพันธุ์เหลืองสุรินทร์ เฉลี่ยอยู่ที่ 280-290 บาท/แผ่น โดยต้นทุนการผลิตไข่ไหมส่วนใหญ่เป็นค่าแรงงานและค่าใบหม่อน
ส่วนการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตรังไหม จะคิดต้นทุนทั้งทางเศรษฐศาสตร์ซึ่งเป็นต้นทุนคงที่ (ค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น โรงเรือน เครื่องมือและอุปกรณ์เลี้ยงไหม) และต้นทุนทางบัญชีซึ่งเป็นต้นทุนผันแปร (ค่าไข่ไหม ค่าแรงงาน และค่าใบหม่อน) พบว่า เกษตรกรมีต้นทุนการผลิตรังไหมอุตสาหกรรมหรือไหมลูกผสมเพื่อจำหน่ายรัง โดยมีต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์อยู่ที่ 194 บาท/กิโลกรัม และมีต้นทุนทางบัญชีซึ่งเกษตรกรต้องจ่ายเป็นเงินสดเพื่อการผลิต ประมาณ 94 บาท/กิโลกรัม โดยต้นทุนส่วนใหญ่เป็นค่าแรงงานเช่นกัน ทั้งนี้ เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเกือบ 100% ใช้แรงงานของตนเอง จึงคิดต้นทุนค่าแรงงานมาตรฐานขั้นต่ำอยู่ที่ 300 บาท/วัน
อย่างไรก็ตาม หากเทียบต้นทุนกับรายได้ การผลิตรังไหมเพื่อจำหน่ายรังเป็นอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะให้ผลตอบแทนสูงและสร้างความพึงพอใจให้กับเกษตรกร ปัจจุบันราคาซื้อขายรังไหมไม่น้อยกว่า 200 บาท/กิโลกรัม ซึ่งสินค้าหม่อนไหมเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรมีเงินสดใช้หมุนเวียนในชุมชนค่อนข้างดี เนื่องจากวงจรการผลิตค่อนข้างสั้นใช้ระยะเวลาประมาณ 30-45 วัน ก็สามารถก่อเกิดรายได้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตไหมไทยทั้งระบบ เพื่อเป็นแนวทางปรับลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้กับเกษตรกร” อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าว
ด้านนางสมหญิง ชูประยูร ผู้เชี่ยวชาญด้านส่งเสริมการผลิตและจัดการผลิตหม่อนไหม กรมหม่อนไหม กล่าวถึงการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตเส้นไหมไทยสาวมือว่าจะคิดต้นทุนตั้งแต่การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ได้รังไหม จนถึงขั้นตอนการสาวเส้นไหมเพื่อจำหน่ายหรือเพื่อใช้ทอผ้า ในส่วนของการผลิตเส้นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน จะมีต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์อยู่ที่ 2,985 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนทางบัญชีอยู่ที่ ประมาณ 871 บาท/กิโลกรัม ส่วนเส้นไหมพันธุ์ไทยลูกผสม มีต้นทุนการผลิตทางเศรษฐศาสตร์เฉลี่ย ประมาณ 2,296 บาท/กิโลกรัม และมีต้นทุนทางบัญชี ประมาณ 798 บาท/กิโลกรัม ซึ่งค่าแรงงานยังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ต้นทุนการผลิตเส้นไหมอยู่ในเกณฑ์สูง
นอกจากนี้ กรมหม่อนไหมยังได้ศึกษาต่อยอดการเพิ่มมูลค่าเส้นไหมเพื่อสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรที่สามารถทอผ้าไหมได้ โดยศึกษาวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตผ้าไหมหัตถกรรมซึ่งเป็นการทอมือและใช้กี่พื้นบ้าน ผลการศึกษาพื้นฐานพบว่า เกษตรกรที่มัดหมี่ 2 ตะกรอ อย่างน้อย 2 สี จะมีต้นทุนการผลิตผ้ามัดหมี่อยู่ที่หลาละ 568 บาท ซึ่งต้นทุนส่วนใหญ่เป็นค่าเส้นไหมและค่าแรงงานทอผ้า
