รายงานพิเศษ : ศวพ.สงขลาฟื้นสวนส้มโอ‘หอมหาดใหญ่’และส้มจุก พันธุ์ไม้ผลดั้งเดิมของดีเมืองสงขลา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/222193

วันศุกร์ ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 (สวพ.8) กรมวิชาการเกษตร เร่งฟื้นฟูสวนส้มโอพันธุ์ดี “หอมหาดใหญ่” และส้มจุก เป็นพันธุ์ไม้ผลดั้งเดิมของจังหวัดสงขลา หลังพบความเสียหาย ต้นส้มทรุดโทรมและผลส้มร่วงก่อนการเก็บเกี่ยวเพราะการทำลายของโรคและแมลงต่างๆ นอกจากนี้การจัดการดินและปุ๋ย การให้น้ำ และการอารักขาพืช ยังขาดความเหมาะสม ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังในระยะยาวจะส่งผลเสียหายต่อเกษตรกรผู้ผลิตและเศรษฐกิจของพื้นที่ได้

คุณอนันต์ อักษรศรี ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ส้มโอพันธุ์หอมหาดใหญ่จัดเป็นส้มโอพันธุ์การค้าเฉพาะแห่ง ตามการจัดแบ่งของสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร เนื่องจากมีการปลูกกันมากและมีการจำหน่ายในเขตอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นหลัก โดยปลูกกันมากที่ตำบลควนลัง ฉลุง ทุ่งตำเสา คูเต่า และน้ำน้อย ต่อมาได้มีการส่งเสริมการปลูกออกไปอย่างกว้างขวางจนทำให้ส้มโอพันธุ์หอมหาดใหญ่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากยิ่งขึ้น จึงได้มีการกระจายพันธุ์ในรูปของกิ่งตอนไปยังจังหวัดใกล้เคียง เช่น สตูล พัทลุง นครศรีธรรมราช และปัตตานี แต่การกระจายพันธุ์เกิดมากในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และเชื่อว่าส้มโอพันธุ์หอมหาดใหญ่น่าจะมีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณหลายตำบลที่ตั้งอยู่ในที่ราบริมคลองอู่ตะเภาและลำคลองสาขาของคลองอู่ตะเภาคือ คลองแห คลองวาด คลองต่ำและคลองหอยโข่ง ส้มโอพันธุ์หอมหาดใหญ่ในแหล่งปลูกดั้งเดิมมีความแปรปรวนน้อยมาก ด้วยเหตุผลสำคัญ 2 ประการ คือ 1.ผลส้มโอพันธุ์หอมหาดใหญ่ไม่มีเมล็ด หรือถ้าจะมีบ้างก็เป็นเมล็ดลีบ ดังนั้นการขยายพันธุ์จากต้นพันธุ์ดีนั้น จึงไม่สามารถใช้วิธีการเพาะเมล็ดได้ เกษตรกรจึงใช้วิธีการขยายพันธุ์แบบไม่ใช้เพศโดยเฉพาะการตอนกิ่งเป็นหลัก 2.การขยายพันธุ์ส้มโอพันธุ์หอมหาดใหญ่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ใช้วิธีการตอนกิ่งขนาดใหญ่จากต้นที่ให้ผลผลิตแล้ว ดังนั้นการปลูกด้วยกิ่งตอนที่มีลักษณะดังกล่าวจึงคงลักษณะต้นแม่ไว้ได้สูง

คุณศยามล แก้วบรรจง นักวิจัยจากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ส้มโอพันธุ์หาดใหญ่มีลักษณะประจำพันธุ์คือ เนื้อผลสีชมพูเข้มถึงแดงสด มีกลีบเนื้อผลเฉลี่ย 13 กลีบ รสชาติหวานอมเปรี้ยวโดยมีค่าความหวานเท่ากับ 12.84 องศาบริกซ์และมีปริมาณกรดซิตริกเท่ากับ 1.74 เปอร์เซ็นต์ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว แต่ไม่มีรสขมอ่อนๆ ติดอยู่เหมือนส้มโอบางชนิด แต่ลักษณะเด่นที่สำคัญ คือ ความไม่มีเมล็ด แต่ปัจจุบันการผลิตส้มโอพันธุ์หาดใหญ่ของเกษตรกรบางรายเกิดมีเมล็ดขึ้นมาได้เพราะเกิดจากการถ่ายละอองเกสรแบบผสมข้ามพันธุ์และข้ามชนิด สามารถปลูกได้ทั้งที่ดอนและที่ลุ่ม หากปลูกที่ดอนใช้ระยะปลูกประมาณ 7×7 เมตร ไม่ต้องยกร่องแต่ทำเป็นร่องเล็กๆ เพื่อช่วยการระบายน้ำ ส่วนการปลูกที่ลุ่มใช้ระยะปลูก6×6 เมตร โดยทำร่องน้ำกว้าง 1.50 เมตร ลึก 1 เมตร โดยยกร่องขวางทางแสงอาทิตย์ เพราะร่องจะได้รับแสงสม่ำเสมอและทั่วถึง หากสวนเป็นที่ลุ่มมากต้องทำคันกั้นน้ำรอบสวน โดยฝังท่อระบายน้ำเข้าและออกสวนและนิยมปลูกจากกิ่งตอนที่ได้จากต้นแม่พันธุ์ดี หลังปลูกส้มโอ ควรดูแลมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและพอเพียง อย่าให้ต้นส้มโอขาดน้ำ ส่วนการให้ปุ๋ยในส้มโอเล็กอายุ 1-3 ปี ที่ยังไม่ให้ผลจะแบ่งใส่ปีละ 4 ครั้ง ขึ้นอยู่ความอุดมสมบูรณ์ของอายุต้นส้มโอเป็นเกณฑ์ ปุ๋ยระยะนี้จะใส่ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีที่มีธาตุไนโตรเจนสูง เช่น ยูเรีย และปุ๋ยสูตร15-15-15+2Mg เป็นต้น โดยใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 0.5 กิโลกรัม/ต้น/ปี โดยเฉลี่ยชาวสวนจะใช้ปุ๋ยเคมีประมาณ2-4 กิโลกรัม/ต้น/ปี ร่วมกับปุ๋ยมูลสัตว์ที่สลายตัวดีแล้วประมาณต้นละ 5 กิโลกรัม สำหรับส้มโอใหญ่หรือส้มโอที่ให้ผลได้แล้ว อายุ 4 ปีขึ้นไป ชาวสวนจะนิยมใช้ปุ๋ยเคมีเป็นปริมาณที่เป็นกิโลกรัมเท่ากับครึ่งหนึ่งของอายุต้นส้มโอต่อต้นต่อปี โดยพิจารณาถึงความอุดมสมบูรณ์ของดิน ปริมาณการติดผลของแต่ละต้น และความทรุดโทรมของส้มโอในปีนั้นๆ

ปัจจุบันพบว่าส้มโอพันธุ์หอมหาดใหญ่ที่เป็นพันธุ์ดั้งเดิมเหลืออยู่แค่ 1,500 ต้น จากจำนวนผู้ปลูกจำนวน 50 ราย (ข้อมูลจากเทศบาลเมืองควนลัง) สาเหตุการผลิตส้มโอหอมหาดใหญ่มีปัญหาต้นส้มทรุดโทรมและผลส้มร่วงก่อนการเก็บเกี่ยวในพื้นที่ปลูกหลายแห่ง มีสาเหตุหลักเกิดมาจากการทำลายของโรคและแมลงต่างๆ ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังในระยะยาวจะส่งผลเสียหายต่อเกษตรกรผู้ผลิตและเศรษฐกิจของพื้นที่ นอกจากสาเหตุหลักดังกล่าวแล้วปัจจัยที่มีความสำคัญรองลงไปจากโรคพืชและแมลง ได้แก่ การจัดการดินและปุ๋ย เพราะการผลิตโดยทั่วไปนั้น สิ่งสำคัญคือความสมบูรณ์ของต้น โดยขึ้นอยู่กับการจัดการให้ปุ๋ย การให้น้ำ และการอารักขาพืช ซึ่งที่ผ่านมาการปฏิบัติของเกษตรกร มักจะให้ไม่สอดคล้องกับความต้องการของพืช ทำให้เกิดผลเสียหลายอย่าง เช่น ทำให้ต้นทรุดโทรม เพราะขาดธาตุอาหารบางชนิดติดต่อกันเป็นระยะยาว ทำให้ต้นอ่อนแอ โรคและแมลงเข้าทำลายได้ง่าย การเข้าไปจัดการหรือฟื้นฟูสวนส้มโอพันธุ์หอมหาดใหญ่ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเกษตรกรที่ปลูกส้มโอพันธุ์หอมหาดใหญ่ และที่สำคัญ ขณะนี้ส้มโอพันธุ์หอมหาดใหญ่กำลังอยู่ในขั้นตอนการขอจดทะเบียนเป็นพืชที่มีสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) โดยการดำเนินงานของเทศบาลเมืองควนลังร่วมกับจังหวัดสงขลา ก็จะทำให้ส้มโอพันธุ์หอมหาดใหญ่เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างประเทศต่อไป

คุณสุนันท์ ถีราวุฒิ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสงขลา กล่าวว่า นอกจากส้มโอพันธุ์หอมหาดใหญ่แล้วผลไม้พันธุ์ดั้งเดิมอีกชนิดหนึ่งของจังหวัดสงขลาที่ต้องเร่งฟื้นฟูคือ ส้มจุกหรือ“ส้มแป้นหัวจุก” เป็นส้มที่มีชื่อเสียง และมีแหล่งปลูกดั้งเดิมอยู่ที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ได้ความนิยมจากผู้บริโภคในพื้นที่เป็นอย่างมาก จนทำให้เป็นพืชเศรษฐกิจของอำเภอจะนะ ต่อมาจึงมีการขยายพื้นที่ไปยังแหล่งอื่นๆ ของจังหวัดสงขลา เช่น อำเภอนาทวีหาดใหญ่ และจังหวัดอื่นๆ เช่น ยะลา นครศรีธรรมราช ชุมพร ภาคกลาง เช่น จังหวัดเพชรบุรี ระยอง และจันทบุรี ส้มจุกเป็นส้มที่มีลักษณะของรูปร่างผล รสชาติและกลิ่นเฉพาะ คือ มีผลขนาดใหญ่ ทรงผลกลมถึงแป้น มีจุกเด่นชัด เปลือกหนาปานกลาง ลอกเปลือกง่ายกลีบแยกออกจากกันง่าย แกนกลางเปิด เนื้อผลแน่นมีน้ำมาก เนื้อผลสีเหลืองมีรสหวานอมเปรี้ยว ลำต้นมีหนามและไม่มีหนาม ทรงพุ่มสูงประมาณ 3-5 เมตร สามารถปลูกได้ในทั้งสภาพพื้นที่ดอน ราบ ลุ่มแต่ถ้าปลูกในสภาพพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังต้องมีการยกร่อง เพื่อให้ระบบรากระบายน้ำออกจากระบบรากอย่างรวดเร็ว ระยะปลูก คือ ระยะระหว่างแถว 5-6 เมตร ระยะระหว่างต้น 4-5 เมตร ขุดหลุมขนาด 50×50 ซม. รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกก่อนปลูก

“ปัจจุบันพบว่า การผลิตส้มจุกมีปัญหาต้นส้มทรุดโทรมและผลส้มร่วงก่อนการเก็บเกี่ยวในพื้นที่ปลูกหลายแห่ง ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการทำลายของโรคกรีนนิ่งและโรคทริสเตซ่า รวมทั้งโรครากเน่าและโคนเน่าระบาดแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทำให้ส้มจุกยืนต้นตายจำนวนมาก ปัญหานี้จะต้องได้รับการแก้ไขด้วยการค้นคว้าวิจัยหาเทคโนโลยีการจัดการที่เหมาะสม โดยเฉพาะดินและปุ๋ย และจะต้องมีวิธีการที่เหมาะสมต่อการวินิจฉัยความต้องการธาตุอาหารของส้มจุก ซึ่งกระทำได้อย่างแม่นยำด้วยวิธีการวิเคราะห์ใบและวิเคราะห์ดิน เพื่อจะได้ฟื้นฟูสวนส้มจุกและสนับสนุนด้านวิชาการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมให้เป็นพืชเอกลักษณ์ท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดสงขลาต่อไป

 

Leave a comment