สวพ.2โชว์ห้องปฏิบัติการฯเขตภาคเหนือตอนล่าง กับมาตรฐานในระดับสากลที่ให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/222601

วันจันทร์ ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

กลุ่มพัฒนาการตรวจสอบพืชและปัจจัยการผลิต สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 เป็นหน่วยงานห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ของกรมวิชาการเกษตรในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง (พิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร สุโขทัย อุตรดิตถ์ ตาก เพชรบูรณ์) ที่มีภารกิจที่สำคัญ ได้แก่ การให้บริการตรวจสอบปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ได้แก่ ดิน น้ำ พืช และปุ๋ย เพื่อให้เกษตรกรได้รับปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพมีปริมาณตามฉลากที่ระบุไว้ รวมถึงให้บริการตรวจสอบสารพิษตกค้างทางการเกษตรในพืชผัก เพื่อตรวจสอบรับรองการผลิตทั้งระบบ สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของสินค้าเกษตรให้กับผู้บริโภคให้เป็นที่ยอมรับทั้งภายในและต่างประเทศ

นายสมเพชร พรหมเมืองดี ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเพื่อให้การดำเนินงานสามารถตอบโจทย์ความต้องการในสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที การพัฒนาห้องปฏิบัติการเริ่มจากการส่งสินค้าทางการเกษตรออกไปขายนอกราชอาณาจักรไทย ซึ่งทำให้คุณภาพของสินค้าต้องเป็นไปตามเงื่อนไขหรือข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า เป็นเหตุผลให้ประเทศไทยต้องเพิ่มมาตรการในการเพิ่มมาตรฐานของสินค้าเกษตร ตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการผลิตจนถึงปลายทางสินค้าเกษตรก่อนส่งออก ส่งผลถึงห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทดสอบต้องทำการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพห้องปฏิบัติการให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล คือการได้รับการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025 : 2005

ในส่วนห้องปฏิบัติการวิเคราะห์สารพิษตกค้าง สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 ได้ดำเนินการในการพัฒนาห้องปฏิบัติการวิเคราะห์สารพิษตกค้างเพื่อเข้าสู่ระบบมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2005 มีข้อกำหนดทั่วไปว่าด้วยการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการทดสอบและสอบเทียบ ขั้นตอนการดำเนินงาน เริ่มจากการเตรียมความพร้อมของห้องปฏิบัติการและควบคุมสภาวะแวดล้อมให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด มีการกำหนดและแต่งตั้งบุคลากรทั้งหมดที่จะต้องทำงานในระบบคุณภาพ รวมไปถึงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาให้มีความรู้ความเข้าใจในข้อกำหนดและเทคนิคทางด้านวิชาการ มีการจัดซื้อสารเคมี วัสดุวิทยาศาสตร์ เพิ่มเติม ทำการสอบเทียบเครื่องมือ เพื่อให้มั่นใจในผลทดสอบ มีการตรวจสอบความใช้ได้ของวิธีทดสอบ จัดทำรายงานการหาค่าความไม่แน่นอนของวิธีทดสอบ พร้อมทั้งมีการประกันคุณภาพผลทดสอบ นอกจากนี้ได้เข้าร่วมทดสอบความชำนาญระหว่างห้องปฏิบัติการ และหลังจากการประเมินเบื้องต้นจากผู้ตรวจติดตามคุณภาพภายในจากกรมวิชาการเกษตรส่วนกลาง ห้องปฏิบัติการได้ยื่นขอการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025 : 2005 กับสำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยได้ยื่นขอจำนวน 1 วิธีทดสอบ คือ การหาปริมาณออร์กาโนฟอสเฟตในมะม่วง จนได้รับการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025 : 2005 ในปี พ.ศ.2553 และได้พัฒนาศักยภาพความสามารถในการตรวจวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ซึ่งในปัจจุบันห้องปฏิบัติการ มีการขอขยายขอบข่ายการรับรองมาตรฐานเพิ่มเติมในส่วนของการวิเคราะห์ฟอสเฟตทั้งหมดในปุ๋ยเคมี และเพิ่มจำนวนชนิดสารในกลุ่มสารออร์กาโนฟอสเฟตในมะม่วง คาดว่าจะได้รับการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการภายในปี พ.ศ.2559

นายสมเพชร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ผลที่ได้รับจากการที่ห้องปฏิบัติการได้มาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025: 2005 จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในรายงานผลทดสอบ ในมุมมองด้านการตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้างทางการเกษตรในพืชผักนั้น ข้อมูลที่ได้จากการตรวจวิเคราะห์จะใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการขึ้นทะเบียนแปลงจากการตรวจรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practice: GAP) สร้างความเชื่อมั่นในผลผลิตทางการเกษตรจากแปลงปลูกว่ามีคุณภาพปลอดภัยจากสารพิษตกค้างทางการเกษตรต่อผู้บริโภค

รวมทั้งได้มาตรฐานสินค้าเกษตรในการผลิตเพื่อการส่งออก ทำให้ห้องปฏิบัติการเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะกับประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ เป็นต้น เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการส่งออกในการถูกกักสินค้าและสุ่มตรวจซ้ำ ในส่วนของการได้รับมาตรฐานด้านการตรวจวิเคราะห์ปุ๋ยเคมี เกี่ยวเนื่องกับภารกิจที่กรมวิชาการเกษตรควบคุมดูแลปุ๋ย ตามพระราชบัญญัติปุ๋ย 2518 และแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติปุ๋ย (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 ห้องปฏิบัติการในส่วนภูมิภาค ต้องตรวจสอบคุณภาพปุ๋ยเคมีขึ้นทะเบียนและมีขายในท้องตลาดมีคุณภาพเป็นไป
ตามมาตรฐานของกรมวิชาการเกษตรหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อเป็นการคุ้มครองเกษตรกรให้ได้ใช้ปุ๋ยที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ การที่ห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ปุ๋ยเคมีได้รับการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ทำให้เชื่อมั่นได้ว่ารายงานผลทดสอบปุ๋ยเคมีจากห้องปฏิบัติการมีความถูกต้อง แม่นยำ สามารถใช้เป็นหลักฐานทางวิชาการ เพื่อฟ้องร้องเอาผิดกับผู้ประกอบการและผู้ขายกรณีที่ผลิตปุ๋ยปลอมหรือปุ๋ยที่ไม่ได้มาตรฐานได้

ในปัจจุบันห้องปฏิบัติการในส่วนภูมิภาคของกรมวิชาการเกษตร ได้รับการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025: 2005 ครบทั้ง 8 แห่ง ทั่วประเทศ มีมาตรฐานในการปฏิบัติการทดสอบไปในทิศทางเดียวกันตามมาตรฐานสากล สามารถให้บริการในการตรวจวิเคราะห์ได้มาตรฐานเทียบเท่าห้องปฏิบัติการในส่วนกลางทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินการตามพระราชบัญญัติของกรมวิชาการเกษตรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรผู้ประกอบการ และนักวิชาการในพื้นที่ สร้างความเข้มแข็งและมั่นคงให้กับสินค้าเกษตรและปัจจัยการผลิตของประเทศไทยต่อไป

Leave a comment