ส่องเกษตร : คนดีแม้ตาย….ก็ยังอยู่ คนชั่วอยู่ก็เหมือนตาย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/221826

449007

วันพุธ ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.

วงการเกษตรสูญเสียผู้ทรงคุณค่าอีกท่านหนึ่งแล้วคือ ผู้ใหญ่ “วิบูลย์ เข็มเฉลิม” ผู้ได้รับการเชิดชูเป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียงปี 2552 และได้รับการยกย่องคุณงามความดีด้วยรางวัลเกียรติยศต่างๆ มากมาย งานสวดศพจัดขึ้นที่“วนเกษตรบ้านห้วยหิน” อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา 13-21 มิ.ย.ก่อนบรรจุศพพุธที่ 22 มิ.ย.นี้ ผมจึงขออาศัยเนื้อที่คอลัมน์ ร่วมไว้อาลัย ณ ที่นี่

สำหรับเรื่องราวชีวิตและผลงานของผู้ใหญ่วิบูลย์ ขอบอกกล่าวเพื่อร่วมรำลึกถึงพอสังเขป โดยได้ข้อมูลจากเว็บไซต์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับอีกหลายที่ ขอขอบพระคุณด้วย

ผู้ใหญ่วิบูลย์อาชีพเกษตรกรเกิด 29 ธ.ค.2479 ที่ต.เกาะขนนุ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ตอนเสียชีวิตอายุเกือบ 80 ปี จบการศึกษามัธยมปลาย สมรสกับนางสมบูรณ์ เข็มเฉลิม มีบุตร 1 คน ธิดา 2 คน

ผลงานดีเด่น เคยมีตำแหน่งเป็นอนุกก.ดำเนินโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่รอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) อันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ, หัวหน้าโครงการศึกษาพรรณพฤกษชาติและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าไม้ป่าตะวันออกอย่างยั่งยืน,สมาชิกวุฒิสภา,คณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ, สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แต่ที่สำคัญกว่าตำแหน่งคือ เป็นผู้นำวิถีชีวิตเกษตรพึ่งตนเองและแนวทางวนเกษตร

ในวัยเด็ก เข้ามาเป็นแรงงานเด็กในเมืองฉะเชิงเทรา เรียนจนจบมัธยมปลาย ช่วงปี 2504-2524 ได้ทำการเกษตรเชิงธุรกิจ เป็นระบบที่ใช้เงินทั้งหมดตั้งแต่ซื้อพันธุ์ ไถดิน เตรียมดิน ถางหญ้า ให้ปุ๋ยให้สารเคมี จนถึงจ้างแรงงานขนไปขาย จึงเกิดหนี้สินมากมาย ถูกธนาคารฟ้องยึดที่ดิน 200-300 ไร่เพื่อใช้หนี้ จึงเปลี่ยนวิถีชีวิตมาสู่การเกษตรแบบพึ่งตนเองบนที่ดินที่เหลือแค่ 10ไร่ ทำการเกษตรบนพื้นฐาน ความรู้ความเข้าใจและการเรียนรู้ที่ถูกต้อง เข้าใจทรัพยากรและจัดการเป็น ทำให้ไร้หนี้สิน ไม่เดือดร้อน เพราะพออยู่พอกิน

จากผืนดิน 10 ไร่ ปลูกสารพัดพันธุ์ไม้กลายเป็นป่าย่อมๆแน่นขนัด กระทั่งสามารถให้ผลผลิต ศักยภาพการพึ่งตนเองก็เริ่มปรากฏชัดขึ้น ซึ่งผู้ใหญ่วิบูลย์เรียกวงจรพึ่งตนเองอิงอาศัยป่าเล็กๆนี้ว่า “วนเกษตร” หมายถึง การดำรงชีวิตมนุษย์อยู่เคียงคู่ป่าและความหลากหลายพรรณไม้ใหญ่น้อย เรียนรู้การหาอยู่หากินอย่างมีความสุข โดยวนเกษตรต้องมีความหลากหลาย ช่วยให้พรรณพืชเติบโตอย่างอิสระและสมบูรณ์ การเริ่มต้นต้องวางแผนจากพิจารณารูปที่ดิน ลักษณะผืนดิน ความลาดชัน ต้นไม้ดั่งเดิม จะเป็นรูปแบบสวนที่มีทั้งป่าไม้ยืนต้น ไม้ผล แปลงผักรวมอยู่ หรือเป็นไม้ยืนต้นปลูกรอบคันนา หรือกันพื้นที่พืชไร่ส่วนหนึ่งเป็นป่า สามารถยืนหยุ่นได้ไม่ตายตัว แต่ที่สำคัญคือ ต้องมีไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ไม้ผลขนาดกลาง พืชผักสมุนไพร หลากหลายชนิด สามารถตอบสนองประโยชน์ใช้สอยได้ โดยปลูกคละเติบโตอยู่รวมกันในพื้นที่

ท่านยังเป็นนักสะสมพันธุ์กล้าไม้ป่าที่มีคุณค่า เพื่อแจกจ่ายให้ผู้คนที่เริ่มสนใจวนเกษตรได้ไปปลูกด้วย โดยผู้ใหญ่วิบูลย์เห็นว่า วนเกษตรคือรากฐานของชีวิต รากฐานของครัวเรือนไทยในชนบท และยังเป็นรากฐานของประเทศชาติ เป็นหนทางนำพาชีวิตให้หลุดพ้นบ่วงแห่งสังคมบริโภคนิยม แต่กระบวนการเรียนรู้เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เกิดขึ้นในจิตใจประชาชนทั่วไป กว่าท่านเองจะค้นพบก็ผ่านการเรียนรู้ยาวนานและเจ็บปวด เมื่อพบและเชื่อมั่นหนทางนี้

ชีวิตที่เหลือจึงทุ่มเทให้กับการสร้างกระบวนการเรียนรู้วนเกษตรให้เกิดในสังคมไทย โดยมิได้ผลักดันเฉพาะในชนบท แต่ยังมีโอกาสผลักดันเข้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผลักดันถึงในรัฐสภา ในการกำหนดกรอบนโยบายหลักของประเทศ และในปี 2549 ก็ผลักดันสู่นโยบายรัฐบาลได้สำเร็จ โดยเปลี่ยนชื่อเป็น“โครงการปลูกต้นไม้ใช้หนี้” และกลายเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาลในที่สุด

ใครสนใจเรื่องของผู้ใหญ่วิบูลย์โดยเฉพาะที่ท่านให้สัมภาษณ์แนวคิดดีๆจำนวนมากสามารถจะหาอ่านเพิ่มในเว็บไซต์ต่างๆ ได้ และตลอดงานศพ 9 วันมานี้ก็มีปราชญ์ผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆคนไปพูดเสวนา “รู้จักและเรียนรู้ ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม” ในงานศพทุกวัน

เป็นภาพสะท้อนว่า แม้จะตายจากโลกไปแล้ว แต่คนดีๆอย่างผู้ใหญ่วิบูลย์ยังมีชีวิตอยู่ในใจผู้คน และยังมีผู้คนมากมายสืบสานเจตนารมณ์ แนวทางเพื่อประโยชน์สุขของเกษตรกรไทยต่อไป

ไม่เหมือนอดีตรมว.เกษตรฯ-ชูชีพ หาญสวัสดิ์กับอดีตเลขานุการรมว.เกษตรฯ-วิทยา เทียนทอง ที่ต้องจบสิ้นชีวิตการเมืองที่เคยยิ่งใหญ่อย่างอัปยศในวัยชรา เพิ่งถูกศาลฎีกาฯตัดสินจำคุก 6 ปีโดยไม่รอลงอาญา ในคดีทุจริตจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์กว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นการโกงกินที่ทำร้ายเกษตรกร

ทำให้แม้ยังมีลมหายใจ แต่ก็ตายทั้งเป็นไปแล้ว

สาโรช บุญแสง

Leave a comment